บริษัททัวร์อินไทยแลนด์ โดยการนำของ “คุณอ้วน”ปาณิษา ขันติวงวาร ได้เชิญชวนสมาชิกสายบุญของ “หลวงปู่ดู่” วัดสะแก อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องในวาระชาตกาลของหลวงปู่ เป็นวันเกิดท่าน และ มีโอกาสได้มาร่วมทำบุญที่ยิ่งใหญ่ด้วยการไถ่ชีวิตโค/กระบือ 2 ตัวแต่ 3 ชีวิต เพราะเป็นโคท้องแก่ ที่มูลนิธิศูนย์อนุรักษ์พันธู์โคกระบือไทย ที่ไปเก็บสัตว์ที่ถูกทอดทิ้งมาไม่ว่าจะเป็นโคกระบือที่อยู่รวมกันมากดว่า 800 ตัว หมา 200 ตัวแมว 50 ตัวแพะ 100 ตัว ม้า 26 เป็ด/ไก่ 100 ตัว ทางศูนย์อนุรักษ์กระบือเผือก จะรักษากระบือเผือกของไทย เอาไว้คู่แผ่นดินไทย
มูลนิธิศูนย์อนุรักษ์พันธ์ุโคกระบือไทย มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพ อยู่ที่หมู่บ้านกรองทอง ถนนนาคนิวาส แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 081-852-9995 คุณณัฐยาน์ พลหาญ ทองลงยา เป็นประธานมูลนิธิ ส่วนสำนักงานที่เป็นศูนย์อนุรักษ์พันธ์ุโคกระบือไทย อยู่ที่ 32 หมู่ 7 ถนนโยธาธิการ ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเราคณะทัวร์บุญร่วมกันบริจาคไถ่ชีวิตโคกระบือไว้ 2 ตัว 3 ชีวิต และร่วมทำบุญถวายสังฆทานในยามสายๆ เยี่ยมชมความเป็นอยู่ของโคกระบือ เห็นแล้วน่าสงสาร บางตัวผอมมากคงไม่ได้กินหญ้าเลยเห็นมีแต่กองฟางเป็นมัดๆ ถูกจำกัดอยู่ในคอกกั้นเอาไว้หลายคอก คงเป็นเพราะขาดปัจจัยหลักที่จะสนับสนุนเรื่องอาหารมาก จึงอยากเชิญชวนใครอยากทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ใหญ่โค/กระบือ มาที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์โคกระบือไทย ที่ปากช่องได้ ติดต่อสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯได้เลย
เราออกเดินทางจากศูนย์อนุรักษ์พันธุ์โคกระบือไทย ออกเดินทางในช่วงใกล้เพล เพราะในคณะของเรามีหลวงพี่จากวัดเทพลีลา ร่วมเดินทางมาทำบุญด้วยการเป็นองค์นำสวดมนต์มหาจักรพรรดิ เลยต้องเดินทางมายังวัดสะตือ ที่อยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี ซึ่งอยู่ติดแม่น้ำป่าสัก บรรยากาศร่มรื่น ทัวร์สายบุญจึงมีโอกาสร่วมทำบุญถวายพระเพลแบบไม่ได้นัดหมายกัน ที่วัดสะตือแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง จุดที่น่าสนใจคือเจดีย์ทรงเหลี่ยมย่อส่วน ตั้งไว้หน้าโบสถ์มหาอุด ซึ่งโบสถ์แห่งนี้ใช้ทางพิธีกรรมการบวชพระภิกษุ และ ยังใช้กับพิธีกรรมเครื่องรางของขลัง เพราะเป็นอุโบสถมหาอุด มีทางเข้าประตูหน้าไม่มีประตูหลังเหมือนอุโบสถทั่วไป เมื่อถวายพระเพลจบ เราไปชมพระประธานในอุโบสถถ่ายรูปเหล่าทวยเทพหน้าพระอุโบสถ แล้วพากันออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันที่ทางเข้าไปวัดสะแกที่ร้านอาหารชายคลอง กินข้าวผัดแสนอร่อย และออกมาซื้อของเพื่อเตรียมไปมอบให้เด็กๆชาวเขาที่มาเรียนหนังสือและพักอยู่ในวัดบ้านอ้อ อำเภอผักไห่
เสร็จสิ้นการเตรียมของจากซูเปอร์มาร์เก็ต เราออกเดินทางเพื่อไปกราบสักการะหุ่นปั้นรูปเหมือนของ“หลวงปู่ดู่”ที่ละสังขารไปนานหลายสิบปี “หลวงปู่ดู่”คือต้นแบบของการสวดมนต์มหาจักรพรรดิที่โด่งดังในด้านเมตตามหานิยม/เจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน/อธิษฐานขอสิ่งไหนมักจะไม่ผิดหวัง เรามาถึงช่วงบ่ายๆเข้าไปถวายผ้าไตรทำสังฆทานสวดมนต์มหาจักรพรรดิถวายของเสร็จสิ้นแล้ว เราก็ออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปยังวัดบ้านอ้อ วัดที่ช่วยสงเคราะห์ชาวเขาเผ่าม้ง/กระเหรี่ยง แถบอำเภออุ้มผาง จังหวัดตากเพื่อให้พวกเขามีการศึกษามาเรียนที่วัดแห่งนี้ จบปริญญาไปแล้วหลายรุ่นน่าพอใจยิ่ง
ทัวร์สายบุญที่หลวงปู่กำหนดเอาไว้ ว่าการมาทำบุญครั้งนี้ ทุกคนถูกกำหนดให้มาร่วมกันทำบุญด้วยจิตเจตนาที่ดีงามบริสุทธิ์ วัดบ้านอ้อ ในสมัยของ หลวงพ่อเดิม “พระครูประดิษฐ์ ศีลาคูณ” เจ้าอาวาสองค์ก่อน ได้รับอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาแก่เด็กๆอนุชนของเราที่อยู่ตามป่าเขาในอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาเล่าเรียนหนังสือบางคนเรียนจนจบระดับปริญญาตรีไปก็มีมากมายหลายรุ่นแล้ว พอหลวงพ่อเดิมละสังขารไปแล้ว เจ้าอาวาสองค์ใหม่ หลวงพ่อสงวน หรือ พระครูวิบูลประชากิจ ท่านได้รับช่วงต่อ ทำหน้าที่อุปการะแก่เด็กๆชาวเขาต่อไป เพื่อให้มีที่อยู่ที่กินที่เรียน แม่ว่าหลวงพ่อสงวน จะประสบเคราะห์กรรมป่วยจนแทบจะเดินไม่ได้ แต่จิตใจที่แข็งแกร่งมีเมตตาสูงต่อเด็ก ยังคงเดินหน้าเลี้ยงดูเด็กๆทั้งหญิงชายในวัยการศึกษาร้อยกว่าชีวิต ต้องใช้เงินตราสูงมากกับค่าใช้จ่ายทุกวัน แม้ทางวัดไม่ได้มีเครื่องรางของขลังเป็นแรงดึงดูดให้ศรัทธาสาธุชนเข้ามาทำบุญ ท่านไม่ได้เอ่ยปากขอใคร คงมีแต่เรื่องพูดกันปากต่อปากเมื่อได้เข้ามาในวัดนี้ ช่วยกันบริจาคกันคนละเล็กคนละน้อย เพื่อต่อยอดให้เป็นแรงบุญส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนไทย ส่วนใครอยากมาทำบุญที่วัดหรือสอบถามบัญชี ธนาคารจาก หลวงพ่อสงวน “พระครูวิบูลประชากิจ””ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 081-913-8383 ได้ทุกวัน
พวกเราถวายปัจจัยให้กับหลวงพ่อสงวนไปเป็นเงินสด 20;000 บาทและผ้าไตร พร้อมทั้งอาหาร/ขนม/ข้าวของที่ซื้อมาร่วมสองหมื่นกว่า มอบให้เป็นเสบียงแก่เด็กๆ ซึ่งอีกไม่กี่วันก็จะเดินทางกลับมา ในช่วงนี้ปิดเทอม เลยพากันกลับบ้านจะเหลือเพียงไม่กี่คนที่อยู่ เราจึงเห็นเด็กมีน้อย อย่างน้อยก็ลดค่าใช้จ่ายในช่วงนี้ พวกเรากราบลาหลวงพ่อสงวน เพื่อเดินทางไปยังวัดบางนมโค ของ”หลวงพ่อปาน”วัดดังแห่งอำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในอดีตวัดนี้ดังจากเครื่องรางของขลังหลวงพ่อปาน วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา และ เป็นวัดที่พวกพม่าเคยมากวาดต้อนผู้คนในถิ่นฐานแห่งนี้ ในบริเวณใกล้เคียงของวัดบางนมโค แถวนี้เจริญมาก บ้านเรือนหนาแน่นใกล้ๆยังมีวัดใหญ่ๆอย่างวัดโคมทอง ที่น่าสนใจยิ่ง แต่เราต้องรีบเดินทางกลับ เพราะการทำบุญของเราได้สิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนเป็นปลื้มอิ่มอกอิ่มใจที่ได้มาร่วมทำบุญในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่บุญกรรมนำแต่งดึงพวกเรามารวมตัวกันในวันนี้ สาธุบุญร่วมกันด้วยการเสียสละจาคะแบบบริสุทธิ์ใจ ขอบุญกุศลที่ร่วมทำบุญด้วยกันในวันนี้จงส่งผลบุญอานิสงส์แห่งความสุข สุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้าเทอญ.















