หนังดีติดดาว

หนังดีติดดาว**

              “The Unbearable Weight of Massive Talent” บอกเล่าเรื่องราวของ “นิค เคจ” ดาราในตำนานที่ชีวิตกำลังถึงทางตัน ไม่มีงานจ้าง ปัญหาครอบครัว จนกระทั่งผู้จัดการส่วนตัว (นีล แพทริค แฮร์ริส) ได้รับข้อเสนอ 1 ล้านดอลลาร์  ให้เขาไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของแฟนคลับตัวยง (เพโดร ปาสคาล) เขาจึงต้องจำใจรับงานนี้เพื่อปลดหนี้ทั้งหมด แต่เรื่องราวกลับบานปลาย เมื่อแฟนคลับมหาเศรษฐีกลับเป็นบุคคลอันตรายที่ CIA หมายหัว จากงานเอนเตอร์เทนแสนสบาย กลับกลายเป็นภารกิจสายลับโคตรป่วนงานนี้ไม่มีคัต ไม่พึ่งสคริปท์ เพราะถ้าพลาดอาจถึงตาย! ที่นำแสดงโดย นิโคลัส เคจ, เพโดร ปาสคาส, นีล แพทริค แฮร์ริส และ ลิลี่ ชีน

              เป็นหนังชื่อโคตรยาวและเรื่องราวโคตรกาวเรื่องนี้หยิบเอา นิโคลัส เคจ มาเล่นเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่เป็นอดีตนักแสดงชื่อดังที่ชื่อเสียงร่วงโรยและพยายามหาบทที่จะกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ปล่อยสมองให้ว่างค่อย ๆ เสพความกาวของเรื่องราว ความพิเศษของหนังคือมันมีความ multiverse แบบ parody คือการล้อเลียนบทบาทและหนังที่นิคเคยรับและเล่นมา คือเอาผลงานจริงมายำแบบโคตรกาวลงในเส้นเรื่องของหนังเรื่องนี้ พร้อมกับมุกที่หยิบเอาผลงานจริงของนิคตรงนั้นตรงนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกันและไม่น่าจะเข้ากับเรื่องราวของตัวหนังเรื่องนี้มายำเข้าไปด้วย ถ้าคุณเป็นคนดูหนังมาเยอะ บอกเลยว่าโคตรฟิน บันเทิงและขำจนต้องจับเก้าอี้ให้แน่น ๆ ทีเดียว แต่ข้อเสียก็คือ ถ้าองค์ความรู้และฐานข้อมูลไม่แน่น คุณก็เข้าไม่ถึงบางมุกและบางตอนก็ได้

ติดให้ *** ครึ่ง

              เฉลยคำถามคำถามภาพยนตร์เรื่อง “16 ห้าว 19 เดือด” : บอมบ์ – อัศจรรย์ สัตโกวิท

              มาปรับอารมณ์หนังที่สร้างมาจากซีรีส์สุดฮิตทางช่อง NHK และตีพิมพ์เป็นเวอร์ชันมังงะ โดย ComicWalker ในปี 2019-2020  และล่าสุดกลายมาเป็นเวอร์ชันภาพยนตร์ในชื่อว่า Kanojo ga Suki na Mono wa  หรือ “What She Likes” ที่นำแสดงโดย หนุ่มหล่อนักแสดงดาวรุ่งแห่งปี ฟูจุ คาเมโอะ ในบท จุน อันโด และ อันนะ ยามาดะ ในบท ซาเอะ สาววายผู้ตกหลุมรักหนุ่มเกย์

              เอาจริง ๆ มันคือหนัง coming of age ที่ขยับวัยของตัวละครที่ปกตินิยมเป็นวัยเด็กแต่ขยับเป็นช่วงวัยรุ่นที่อยากรู้ อยากลอง และกำลังค้นหาตัวตน โดยหนังให้เราได้ทำความรู้จักกับตัวละครหลักและรองก่อนใส่เกียร์เดินหน้าพร้อม ๆ กับเพิ่มความเข้มข้นของเรื่องราวความกดดันที่ ‘อันโด้’ ต้องแบกรับ เพราะรสนิยมทางเพศที่แตกต่างกับ ‘ซาเอะ’ เองก็ให้ภาพตัวละครสดใสน่ารัก ดูเป็นสาว ม.ปลายแต่เธอต้องแบ่งปันภาระอันหนึกอึ้งในใจฝ่ายชายไว้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งภาพทางสังคมที่ไม่ยอมรับเพศสภาพทางเลือกด้วยการใช้ตัวละครรองที่เป็นกลุ่มเพื่อนร่วมห้องในโรงเรียนคอยกลั่นแกล้งรังแกเพื่อน ซึ่งเนื้อหาสร้างแรงกดดันผ่านตัวละครหลักและตัวละครรองได้อย่างชัดเจน ทั้งชูประเด็นการตั้งคำถามกับคนดูว่า ความเป็นเพศทางเลือกที่สวนทางกับค่านิยมของสังคมเป็นเรื่องส่วนตัวของปัจเจกบุคคลจริงหรือ? แล้วถ้าลูกของคุณเป็นเพศทางเลือกคุณในฐานะพ่อแม่รับได้ไหม? โดยรวมเป็นหนังสื่ออารมณ์ได้ดี นักแสดงหลักทั้งสองถ่ายทอดอารมณ์จากถูกสังคมกดดันให้คนดูคล้ายตามได้

ติดให้ **** ครึ่ง

              เอ็มพิคเจอร์ พร้อมส่ง “ซือเจ๊ ทะลุมัลติเวิร์ส Everything Everywhere All At Once” เรื่องราวของ เอเวอลีน หวัง (มิเชล โหย่ว) หญิงชาวจีนที่ต้องแบกรับภาระทุกอย่างภายในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจร้านซักแห้งที่ขาดทุนมานานหลายปี, ชีวิตคู่กับสามี (คี ฮุย ควน) ที่แสนจืดชืด, ความสัมพันธ์กับลูกสาว (สเตฟานี่ ซู) ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน และการถูกกดดันจากผู้เป็นพ่อ (เจมส์ ฮ่อง) กระทั่งวันหนึ่งเอเวอลีนได้ค้นพบตัวตนที่อยู่ในหลากหลายชีวิต ณ พหุจักรวาล โดยแต่ละตัวตนต่างมีเป้าหมายในชีวิตแตกต่างกัน มีเส้นทางชีวิตที่เป็นทั้งคนดีและคนชั่ว และยังมีพลังที่เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป และศัตรูลึกลับที่หมายจะกำจัดตัวเธอในจักรภพอื่นๆ ให้สิ้นซาก จนในที่สุด เอเวอลีนต้องยอมเผชิญหน้ากับสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงเพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายที่แท้จริง

              ซึ่งหนังเปิดเรื่องมาด้วยความรวดเร็วในการแนะนำตัวละครและปูเรื่องราวอย่างเร็ว ชนิดที่ว่ายังไม่ทันจะทำความเข้าใจอะไรเลยเรื่องก็เดินไปแล้ว แต่สักประเดี๋ยวก็จะเข้าใจในสิ่งที่หนังนำเสนอ แม้พล็อตจะดูวุ่นวายสับสน หลุดโลก แต่สนุกมาก หนังขายไอเดียไปพร้อม ๆ กับขายสไตล์แนวคิดของ multiverse จะไม่ใช่ของใหม่ แต่วิธีการเดินเรื่องและพัฒนาการของตัวละครเป็นอะไรที่สดใหม่และแหวกแนวมาก ๆ แต่แก่นแท้ของเรื่องคือพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะหรือบทบาทใดในสังคม ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน หนังสอนให้รู้จักประนีประนอม เอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักมองอะไรให้ลึกไม่ผลีผลามตีค่าตีความทุกอย่างไปโดยไม่ไตร่ตรองให้ดี และไม่ต้องไปคิดไกล ชีวิตตัวเองนี่แหละ ถือเป็นหนังที่ให้แง่คิดสอดแทรกไว้ใช้ในชีวิตจริง

ติดให้ ****

               มงคลเมเจอร์ ส่งภาพยนตร์ดราม่าเรื่อง Six Minutes to Midnight” กำกับโดย แอนดี กอดดาร์ด (Set Fire to the Star) เขียนบทและแสดงนำโดย เอดดี้ อิซซาร์ด (Ocean’s Thirteen, Valkyrie) ร่วมด้วย จูดี้ เดนช์ (Skyfall, Shakespeare in Love) ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 1939

มิติตัวละครแบนราบ เรื่องราวก็ดูวุ่นวายและสับสน มีเหตุบังเอิญอย่างร้ายกาจที่ทำให้ตัวละครหลักที่ต้องแก้ปัญหาเพื่อเอาตัวรอดได้แบบเหลือเชื่อ เส้นเรื่องมีหักไปหักมาให้พอได้ลุ้นกัน แต่ก็เมื่อบทมันไม่มีพลังมากพอทุกอย่างก็เลยดูเนือย ๆ ไปเสียหมด ที่จริงหนังแนว spy + political thriller ถ้าเล่าเรื่องได้อย่างทรงพลังจะออกมาดูสนุกและลุ้นระทึก ในส่วนของเส้นเรื่องใช้ความบังเอิญและจังหวะที่เหลือเชื่อเพื่อพลิกสถานการณ์จนเยอะเกินไป ทำให้ไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ พลอยให้ บทพังหนักมาก แม้จะได้เสด็จแม่ จูดี้ เดนช์ มาอุ้มหนังก็เอาไม่อยู่เท่าไหร่  ทว่างานสร้างดีนะ โปรดักชันแบบย้อนยุคคือดีทั้ง เสื้อผ้าหน้าผม ข้าวของเครื่องใช้ รถรา องค์ประกอบฉากต่าง ๆ เชื่อว่าย้อนไปยุค 70-80 ปีก่อน และได้เห็นว่าในช่วงเวลาที่โลกยังสงบสุขในประเทศแต่ต่อมาจะเป็นคู่สงครามที่ประหัตประหารกันหนักหน่วงที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์โลก

ติดให้ * ครึ่ง

              จะเป็นยังไงเมื่อประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วย ”ผี” และ “เรื่องเล่าสยอง” ที่หลอนยิ่งกว่า “นรก” เชิญพบกับ Seoul Ghost Stories ผีดุสุดโซล” ที่ได้ศิลปินไอดอลสุดฮ็อตของเกาหลีมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวสุดเฮี้ยน นำโดย คิมโดยุน, อียอลอึม, อาริน (OH MY GIRL), อีซูมิน, อีโฮวอน (โฮย่า), มินฮยอก (BTOB), ซอลอา (WJSN), ซอจีซู (Lovelyz), ชยอนู (MONSTA X), จองวอนชาง, เอ็กซี่ (WJSN), จูฮักนยอน (THE BOYZ), บงแจฮยอน (GOLDEN CHILD) และ อเล็กซ่า

โดยหนังหยิบเอาเรื่องราว 10 เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องหรือมีจุดเชื่อมโยงมาเล่า ซึ่งเรื่องนึงมีความยาวประมาณ 10-15 นาที อารมณ์เหมือนอ่านเรื่องสั้นหรือฟังเรื่องผีในรายการวิทยุแบบนั้น เอาจริง ๆ หนังไม่ได้สยองขวัญหรือผีแบบที่โปรโมต คือผีก็มีนะ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง อาจจะพอเรียกได้ว่านี่คือการผสมผสานกันระหว่าง 1. ละครผีแบบจบในตอน 2. The Twilight Zone และ 3. Black Mirror แล้ว 10 เรื่อง ก็มีทั้งเข้าตาและไม่เข้าท่าสลับกันไป เนื้อเรื่องมีความพยายามจะสะท้อนสังคมในบางเรื่อง แล้วประเด็นมันก็เข้าท่าทีเดียว หากจะคาดหวังว่ามันจะน่ากลัวและสยองขวัญหมดทุกเรื่อง ขอบอกเลยว่าผิดหวัง มีแค่ 2 เรื่องที่รู้สึกว่า เออ ขนลุกนะ ส่วนอีก 5 เรื่องคือ ก็แปลกนะ ลึกลับดี เสียดายมันน่าจะไปได้ไกลกว่านั้น แล้วมีอยู่ 1 เรื่องที่พังพินาศ ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องไหนเข้าท่าหรือพังเพราะบทคงต้องตีตั๋วเข้าไปดูเอง

ติดให้ *

Related posts