ข้ามอดีต ไร้อนาคต

ปี 2549 ผมย้ายโอนจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ มาเป็นสังกัด สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ แต่ปฏิบัติหน้าที่จริง หัวหน้าประชาสัมพันธ์ กรมการท่องเที่ยว

ย้ายจากสนามบินน้ำ ที่ต้องขับรถขึ้นทางด่วนจากสีลม ไปลงงามวงศ์วานทุกวัน และขากลับ ขึ้นทางด่วนงามวงศ์วาน มาลงยมราช ทุกเย็น เสียค่าทางด่วนวันละ 100 บาท 3 วัน น้ำมัน 1 ถัง กลายเป็นขับรถช้าสุด 15 นาทีแต่ปกติผมขับรถออกเช้า จะใช้เวลาราว 5 นาทีถึงสนามศุภชลาศัย ใช้น้ำมันเดือนละถัง

การมาเช้าตอนราวหกโมงครึ่ง ดีตรงมีที่จอดรถ และได้เดินออกกำลังขา สำรวจตลาดเช้าตรงข้างช่างกลปทุมวัน

ดูราคาอาหาร ผัก ผลไม้ และยืนคุยกับคนขายหนังสือพิมพ์ บางครั้งซื้อขนุนกลับไปกินครึ่งกิโลกรัม หรือในระยะหลัง ซื้อข้าวมันหมูกรอบหมูแดงกล่องละ 40 บาท อัดแน่นทั้งข้าว หมูแดง และหมูกรอบ ทานเช้าอิ่มไปถึงหกโมงเย็น ไม่ทานมื้อเที่ยง

ผู้คนแน่น ตอนยามเดิน แก้มก้นตูดคนอื่น มากระแทกแก้มก้นของผมดังดึ๋งดั๋ง

บางครั้ง เจ็ดโมงเช้า ผมจะเดินเข้าไปห้างเทสโก้โลตัส เพื่อซื้อบะหมี่สำเร็จรูป ลูกอม มาดูแลสื่อ และแม่บ้านที่ทำความสะอาดห้องทำงานของผม และ รปภ ที่มักจะจูงคนต่างชาติมาคุยกับผม โดยเฉพาะคนหาส้วม ขี้จุกตูด

      ยามเที่ยงวัน ถ้าไม่มีงานอันใด ผมมักจะเดินเล่นห้างมาบุญครอง ที่ผู้คนแน่นขนัด หาเก้าอี้นั่งไม่ได้ตรงศูนย์อาหารชั้นใต้ดิน และชั้นขายคูปองอาหาร คนเยอะจนต้องหนีไปกินชั้นเจ็ด ในวันที่ผมไม่ทานอาหารเช้า

ชีวิตยามกลางวัน ผมจะฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ ยาโยอิมั่ง ฟูจิมั่ง เอ็มเค มั่ง แต่ส่วนมากผมจะซุกร่างตรง ซิคเล่อร์มากกว่า เพราะผมจะสั่งเมนูปลา แต่ผมจะเน้นสลัดและถั่วแร่ะญี่ปุ่น ที่นั่งแทะได้เป็นชามๆ

ทุกครั้งที่มีการจัดงาน การโปรโมทอะไร ผมมักจะไปยืนดู ไม่ได้ชื่นชอบอะไร แต่ดูลีลาโฆษกหรือพิธีกรบนเวที ว่า มีลีลาการพูดที่เย้าใจ หรือ น่าเบื่ออย่างไร เพื่อกลับมาปรับใช้กับอธิบดี ในวันที่ผมเชิญเพื่อนพ้องน้องพี่สื่อมวลชนมาทำข่าวการแถลงข่าว ดูการแต่งหน้า ทรงผม ลีลาการพูด เพื่อประยุกต์ใช้

หลายครั้ง ที่ผมจะเดินตามนักท่องเที่ยวต่างชาติไปยังร้านต่างๆ ฟู๊ดคอร์ส เพื่อดูความสนใจว่า คนชาติไหน ชอบอาหารแบบไหน อย่างไร แม้กระทั่งบางครั้งเข้าไปในร้านแม็คโดนัลด์ เพื่อนั่งดูพฤติกรรมการกินของต่างชาติ แล้วกลับมาคิดการบ้านว่า หากโฮมสเตย์จะตรึงใจ ต้องทำอย่างไร รวมไปถึงการท่องเที่ยวชุมชน

        หลายครั้ง ผมแกล้งทำเป็นเดินดูสินค้าหัตถกรรมทางภาคเหนือบ้าง อิสานบ้าง ใต้บ้าง ที่ขายในอีกมุมหนึ่งของมาบุญครอง เพื่อดูว่า เขาชอบอะไร พูดยังไงต่อสินค้านั้นๆ

ผมเคยนั่งคุยกับผู้จัดการแบ๊งก์มั่ง เจ้าหน้าที่มั่ง ถึงกระแสเงินสดที่มาฝากในแต่ละวัน ได้รับคำตอบว่า ไม่ต่ำกว่าวันละสิบล้าน ของแต่ละแบ๊งก์ ถ้าแบ๊งก์ใหญ่หน่อยขยับไป 3-40ล้านบาทต่อวัน

บ่อยครั้ง ผมแอบเดินป้วนเปี้ยนแถวร้านขายกระเป๋าเดินทาง เพื่อสังเกตดูการซื้อกระเป๋าเดินทางว่า ซื้อขนาดไหน เพื่อประเมินรายจ่ายว่า เขาน่าจะจ่ายเงินต่อคนเป็นจำนวนเท่าไหร่ ?

ยามที่ผมเดินตามห้างมาบุญครอง สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัพเวอรี่ หรือกระทั่งสยามพารากอน ไม่มีใครรู้ว่า ผมคิดอะไร ? คิดแบบไหน? หลายคนคิดว่า ผมเอาเวลาราชการไปเดินช้อปปิ้ง

ผมเคยสังเกตหญิงญี่ปุ่นซื้อของ กับหญิงรัสเซีย หรือจีน ช่างแตกต่างกันลิบลับ รวมถึงมูลค่าในการจับจ่าย ขึ้นกับวาทะศิลป์ทางการเจรจาของคนขายประจำยี่ห้อสินค้าว่า จะเล้าโลมใจเหนี่ยวนำ ให้เขาควักเงินจ่ายได้ไหม บางคนจ่ายทีหลักครึ่งล้าน นั่นคือ วาทะศิลป์ทางการค้าของแต่ละคน

รวมไปถึงแม่ค้าบางคนขายของกินที่เป็นของฝาก ใจถึงขนาดฉีกถุงที่ขายเอาออกมาให้ลูกค้าชิม สิ่งที่ได้จากการใจถึง คือ การควักเงินซื้อมากมายตามความพึงพอใจของปากที่อยากจะให้คนอื่นชิมแบบตัวเองมั่ง

กับแม่ค้าบางคน ที่ทักฮัลโหล แล้วไม่ใส่ใจลูกค้า ยอดขายจึงต่างกันลิบลับ

      ความใจถึง กล้าได้ กล้าเสีย ทางการค้า ทำให้ยอดขายบางคนพรวดพราด เหมือนพนักงานขายสินค้า จะเอาของชำร่วยติดมือมาจากโรงงาน จนเถ้าแก่ค้อน เพื่อนร่วมงานทำปากมุบมิบ แต่เวลาขายใคร จะหยิบของชำร่วยมาแถม สร้างความพอใจให้กับคนซื้อและเพื่อนของคนซื้อ จะซื้อตาม นี่คือกลยุทธทางการค้าของแต่ละคน แตกต่างกันตามวาระใจ

ทุกคน ทุกยี่ห้อ อยากมาขายที่ห้างมาบุญครอง ระดับลูกค้าอย่างผม บ่อยครั้ง คนขายเมินเพราะซื้อรองเท้าทีละคู่ นานๆซื้อที

แผงขายหนังสือ นิตยสารไม่น้อยกว่าห้าแห่งในมาบุญครอง วันนี้เหลือแค่ร้านนายอินทร์

จันทร์ 22 กุมภาพันธ์ ช่วงเที่ยง ผมไปเดินเตะถ่วงฆ่าเวลา เพื่อกลับไปพบหมอตามนัดที่โรงพยาบาลจุฬา ตอนสี่โมงครึ่งเย็น หลังจากตอนเช้าไปทำอัลตร้าซาวด์ตรวจระบบตับและไขมันในตับ

      ผมเดินจากชั้นล่างไล่เรื่อยขึ้นไป เหลือร้านค้าแค่ 1 ใน 3 ของเนื้อที่ แผงที่เคยแออัดยัดทะนานขายเสื้อผ้า ของชำร่วย มือถือ ร้านอาหาร กลับโหรงเหรง หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งที่นั่งร้านแม็คโดนัลด์ที่ไม่เคยว่างเมื่อปี 2549 พอมาปี 2564 มีที่ว่างสำหรับผมที่ใส่กางเกงยีนส์ฮาร่า ลด 50 เปอร์เซ็นต์ เพียงแค่ผมมองเข้าไป กลืนน้ำลายเอื๊อกส์ ถอนหายใจ เพราะหมอห้ามและกำลังจะไปพบหมอ ตอแหลไม่ได้ เนื่องจากผลการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์เห็นชัด มีน้ำหนักมากกว่าลมปาก

       ผมแวะซื้อ กระเทียมดอง 1 กิโลกรัม ราคา 180 บาท กลับบ้าน จะเริ่มศักราชทานกระเทียม เพื่อลดไขมันในตับ

ผมอด ที่จะยกกล้องจากมือถือ ถ่ายไม่ได้ อดีตธนาคารเคยแย่งกันมาตั้งสาขา วันนี้บางแห่งแย่งกันย้ายออก พอๆกับร้านกาแฟสด

       ทุกอย่างเงียบ แม้กระทั่งสนามศุภชลาศัย

ฤา ข้ามอดีต ไร้อนาคต

เสียแล้ว….

สองเท้าก้าวไปเรื่อยๆ พลังลมจากลำไส้ใหญ่ ผ่านแก้มก้นเสียง ปรู๊ดปร๊าด อย่างเบิกบาน ไม่ต้องอายใคร เพราะไม่มีใครเดินในละแวกนี้

ปัญญา ไกรทัศน์

Related posts