ชาวบ้าน “ดอนโพนฮึม” กว่า 11 ราย บุกสภาฯ ยื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม หล้งรับความเดือนร้อนหนัก จากกรณี อบต.เมืองเตา ไล่ที่ยึดคืนทำเป็นที่สาธารณะ ทั้งที่ครอบครองทำกัน และมีเอกสาร  สค.1 มาตั้งแต่ 2498 และตกทอดมาจากบรรพบุรุษ

               เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 พันตรีประวีร์ จินดาวรรณ ได้พาตัวแทนชาวบ้าน “ดอนโพนฮึม” จำนวน 4 ราย เข้ายืนหนังสือขอความเป็นธรรมกับ นายสุทิน คลังแสง  หลังจากถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ทำกิน ในเนื้อที่กว่า 306 ไร่ ที่ได้รับความเดือดร้อนหนักหลังที่อบต.เมืองเตา อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ทำกิน เพื่อจะนำที่ดิน “ดอนโพนฮึม” ขึ้นเป็นที่สาธารณะประโยชน์ โดยได้ทำการขับไล่ชาวบ้านไม่ให้เข้าไปทำกินในพื้นที่ดังกล่าว

               ทั้งนี้พันตรีประวีร์ จินดาวรรณ กล่าวว่า การที่นำประชาชนมายื่นหนังสือครั้งนี้เนื่องจากตนเห็นความเดือนร้อนของชาวบ้าน และได้ร่วมต่อสู้กับชาวบ้านในเรื่องหนังสือสำคัญเอกสารสิทธิ์ หรือ สค.1 ที่ครอบครองที่ดินทำกินมาตั้งแต่ปี 2498 และมีการออกเอกสาร สค.1 มาตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2557 ซึ่งต่อมา อบต.เมืองเตา  ฟ้องขับไล่ออกนอกพื้นที่ทำกินที่เคยครอบครองทำกินมาก่อน จากนั้นชาวบ้านที้ได้รับความเดือดร้อนจึงได้มีการรวมต้วกัน ร่วมยื่นหนังสือร้องเรียนไปหลายที่ เพื่อขอความเป็นธรรมแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าและไม่ได้รับความช่วยเหลือจึงได้พาตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนมายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับชาวบ้าน จากปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีการครอบครองที่ทำกินมายาวนานตั้งแต่ปี 2498 แต่กลับมาถูกฟ้องร้องข้บไล่ที่ ที่เป็นของตนเองที่ครอบครองมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

               ขณะที่นางทองม้วย อาษากิจ ตัวแทนชาวบ้านกล่าว ในวันนี้มีตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนมาร่วมยื่นหนังสือจำนวน 4 ราย ดังนี้ นางทองม้วย อาษากิจ นายบุญชู อาษากิจ นางพนม จันทะลัย นางลำไย จำปา โดยครอบครัวตนได้ถือครองที่ดินตั้งแต่ปี 2498 ตั้งแต่สมัยคุณพ่อ-คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ และที่พื้นนี้ได้ออกหนังสือสำคัญเอกสารสิทธิ์ หรือ สค.1 โดยสำนักงานที่ดินอำเภอเกษตรวิสัย และได้ทำกินเรื่อยมา จึงถึงปี 2551 ทาง อบต.เมืองเตา จะเอาที่ดิน “ดอนโพนฮึม” ขึ้นเป็นที่สาธารณะประโยชน์ และได้ทำการขับไล่ชาวบ้านไม่ให้เข้าไปทำกิน พร้อมข่มขู่ ทำให้ตนและชาวบ้านไม่มีที่ทำกินและได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

               ทั้งนี้ จึงได้รวมตัวกันเพื่อมาขอความเป็นธรรมกับ นายสุทิน คลังแสง เพื่อเป็นปากเสียงแทนชาวบ้าน และขอที่ดังกล่าวคืน เพื่อได้กลับมาทำกินดังเดิมซึ่งในขณะนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ไม่กล้าเข้าไปทำกินเพราะเกรงกลัวคำขู่ของผู้ใหญ่ในพื้นที่ จึงมาร้องขอความยุติธรรมในครั้งนี้

Related posts