“นาโอมิ วัตส์” โชว์พลังรักของแม่พาลูกวิ่งหนีตาย ใน “The Desperate Hour ฝ่าวิกฤต วิ่งหนีตาย”

              “นาโอมิ วัตส์” นักแสดงสาวมากความสามารถที่คอหนังและแฟน ๆ หนังระทึกชวัญต้องรู้จักเธอเป็นอย่างดี เธอแจ้งเกิดจากการนำแสดงในผลงานเขย่าขวัญจิตวิทยาจากผู้กำกับ “เดวิด ลินช์” เรื่อง Mulholland Drive และบทนักข่าวที่ต้องเผชิญกับวิญญาณอาฆาตในม้วนวิดีโอกับ The Ring เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากผลงานนีโอ นัวร์เรื่อง 21 Grams โดยฝีมือของ อเลฮานโดร กอนซาเลซ อินาร์นิตู และเข้าชิงอีกครั้งจากภาพยนตร์ที่สร้างจากโศกนาฏกรรมซึนามิในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เรื่อง The Impossible นอกจากนี้เธอยังมีผลงานออกมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น The Loudest Voice, Twin Peaks, The Glass Castle, The Wolf Hour และ Luce

              และล่าสุดที่ถือเป็นการแสดงที่เธอโชว์ทักษะการแสดงได้อย่างสมบทบาทและหวนกลับมาทวนบัลลังก์เจ้าแม่หนังระทึกขวัญในภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์เรื่อง The Desperate Hour ฝ่าวิกฤต วิ่งหนีตาย” ผลงานจาก “ฟิลลิป นอยซ์” ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานอย่าง Salt เอาไว้ ซึ่งนาโอมิ รับบทเป็น เอมี่ หญิงสาวที่ต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ลูกของเธอปลอดภัยจากเหตุการณ์กราดยิง แม้ว่าทางรอดเดียวของเธอคือ วิ่ง แม้ระยะทางกว่าสิบไมล์ และเวลาที่จำกัดแต่เธอก็ พร้อมเผชิญหน้าชั่วโมงสุดวิกฤต เพื่อให้ลูกเธอรอด ซึ่ง นาโอมิ วัตส์ ได้พูดถึงการทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า…

              “ในเรื่องฉันรับบทเป็น เอมี่ เป็นคุณแม่ลูกสอง และเธอเป็นแม่ม่ายสด ๆ ร้อน ๆ หลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิตไป ลูกเธอยังคงเศร้าอยู่ นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของเธอและลูก ๆ ในขณะที่ลูกชายของเธออยู่ในช่วงวัยรุ่น เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่การที่เขายังจมกับความโศกเศร้า ทำให้ชีวิตของเขาไม่คืบหน้าไหน เช่นเดียวกับตัวเอมี่ เธอแทบไม่มีเวลาใส่ใจลูกเธอเลย นี่คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างในเรื่อง และนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันรับบทนี้ เพราะฉันเองก็เป็นคุณแม่ ฉันวิตกและกลัวทุกครั้งที่เห็นข่าวกราดยิงบนหน้าหนังสือพิมพ์ มันมีบางครั้งที่ฉันไปส่งลูก ๆ ที่โรงเรียน แล้วโดนความคิดแย่ ๆ เข้าครอบงำ คนเป็นแม่ก็อย่างนี้แหละ ตั้งแต่เอาลูกขึ้นนอนสมัยยังเป็นทารก เราก็กังวลว่าเขาจะพลิกตัวหรือเปล่า จะหายใจออกไหม เวลาไปบ้านเพื่อนจะล้มตกบันไดหรือเปล่า มันเป็นความกลัวที่มาพร้อมกับการเป็นแม่คน ยิ่งการที่สถานศึกษาที่มีแต่เด็ก ๆ กลายมาเป็นเป้าโจมตี”

              เรื่องของการเตรียมตัวฉันวิ่งตั้งแต่ตอนอายุยี่สิบกว่า ฉันวิ่งมาตลอด จนหลังฉันเริ่มมีปัญหา ออกกำลังกายที่มีแรงปะทะสูง ไม่ได้อีกต่อไป ฉันเปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นเพราะฉันยังชอบออกกำลังกายและเล่นกีฬา มันดีต่อร่างกายและจิตใจ ตอนที่ฉันตัดสินใจเล่นหนังเรื่องนี้  ฉันเริ่มโปรแกรมวิ่งอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าฉันแทบไม่ต้องปรับตัวเท่าไหร่เลย เหมือนร่างกายยังจำได้ ฉันคิดว่าตอนถ่ายจริงคงวิ่งแค่สั้น ๆ แต่กลายเป็นว่า ฟิลลิป นอยซ์ ผู้กำกับชอบถ่ายลองเทค ยาวมากกว่าจะคัตที กว่าจะปิดกล้องฉันฟิตขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย  ส่วนการร่วมงานครั้งแรกกับ ฟิลลิป นอยซ์ เราเคยคุยกันว่าอยากทำงานร่วมกันมาหลายปีแล้ว แน่นอนว่าประเทศออสเตรเลียมันกว้าง แต่อุตสาหกรรม ภาพยนตร์มันเป็นแค่วงการเล็ก ๆ เรารู้จักกันหมด ฉันชื่นชมเขามาตลอด ตอนที่เขาเล่าไอเดียให้ฉันฟัง ฉันว่ามันน่าสนใจมาก ตอนนั้นช่วงที่โควิด 19 เริ่มระบาด การที่ฉันได้กลับไปทำร่วมงานกับผู้กำกับที่เชื่อฝีมือได้ เป็นอะไรที่ฉันปฏิเสธไม่ลง

              สิ่งที่เอมี่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ เธอรู้ว่าตัวเองพร้อมทำทุกอย่างเพื่อลูก คุณคงเห็นข่าวว่าคนเป็นแม่สามารถยกรถที่ทับขาลูกอยู่ได้ มันเป็นความแข็งแกร่งที่แม่ทุกคนมีและจะปรากฏให้เห็นเมื่อลูกกำลังมีภัย เธอได้รู้ว่าบางทีเธออาจจมอยู่แต่ความเศร้าจน ไม่ได้สังเกตว่าลูก ๆ ของเธอก็กำลังเผชิญกับสิ่งเดียวกัน และพวกเขาต้องการเธอมากกว่าทุกครั้ง”

              เตรียมล็อกคิวระทึกพร้อมกันกับบทบาททางการแสดงที่ดีที่สุดของ นาโอมิ วัตส์ ในภาพยนตร์ระทึกขวัญพล็อตเยี่ยม “The Desperate Hour ฝ่าวิกฤต วิ่งหนีตาย” 10 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

ตัวอย่างภาพยนตร์:

ฝ่าชั่วโมงวิกฤตกับนาโอมิ วัตต์: https://youtu.be/RDi7hfSrhx0

Related posts