ฮ่องกง..มหาวิทยาลัยชีวิตของโลกการค้า-ท่องเที่ยว(ตอน 7)

ห้าง Yue Hwa อ่านว่า ยู่ฮัว เป็นห้างสรรพสินค้าตรงหัวมุมสี่แยกจ๋อเต๊น ติดกับปากทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานี Jordan เป็นห้างสรรพสินค้าที่เน้นสินค้าจีนเป็นหลัก เล่าขานกันว่า จีนเป็นหุ้นใหญ่ เจ้าของชื่อ ญิว พนักงานทุกคนชายหญิงน่าจะเติบโตมาพร้อมห้าง ไม่มีการให้พนักงานออก ทำงานไปเรื่อยๆจนกว่าไม่ไหว ลาออกเอง

        ทำเลเหมาะ คนจีนเข้าฮ่องกงยุคนั้นจะแวะหาสินค้าจากที่นี่กลับไป โดยเฉพาะนมผง ส่วนคนไทยนิยมไปหายาจีนกลับมา

ผมรู้จักร้านนี้เพราะผมซื้อยาผงแตงโมแก้ร้อนในปากเป็นแผล ที่ได้ผลชะงัก กับ น้ำมันนวด ทั้งสองอย่างราคาค่อนข้างสูง แต่คุณภาพดี

วันหนึ่ง ญิว (ที่วันนี้อายุราวเกือบ 90 ปี) ตกปากรับคำว่า จะใช้พื้นที่จัดนิทรรศการชั้น 5 และชั้นใต้ดินรวมไปถึงชั้นหนึ่ง จัดขายสินค้าไทย จึงจัดทีมผู้แทนการค้าฮ่องกงเดินทางมาซื้อสินค้าไทยที่เชียงใหม่ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า อาหาร ก่อนยกทัพมาเจรจาซื้อสินค้าในกรุงเทพเพิ่มเติม

        ผมนั่งสนทนากันมานับแต่สนามบินฮ่องกงยันบนเครื่อง ว่า ผมชอบหนังจีนกำลังภายในชอว์บาร์เดอร์ อดีตกระโดดจากพื้นล่างวิ่งบนหลังคาได้ แต่วันนี้คนจีนกระโดดขึ้นเก้าอี้ก็ล้มหัวทิ่ม เมืองไทยมีผลไม้วิเศษ จับมันแทงอาจเป็นแผล เปิดปุ๊บกลิ่นชวนผงะ แต่กินแล้วอร่อย ถ้ากินหมดลูกกำลังภายในจะกลับมา

         ญิวสนใจอยากทดสอบ ผมบอกคนขับรถศูนย์ส่งออกเชียงใหม่ ให้พาไปซื้อผลไม้วิเศษของไทยที่ตีนสะพานนวรัฐ และผมบอกคนขายขอลูกโตที่สุด สุกกำลังอร่อย กรีดให้ด้วย

ทุเรียนขนาดน้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม ราคา 1,200 บาท ราคาในขณะนั้นใกล้ต้นฤดูกาล

ผมขออนุญาตโรงแรมเซ็นทาราดวงตะวัน นำไปทานในค๊อฟฟี่ช็อฟ

ญิว เจ้าของห้าวยู่ฮัว ทานทุเรียนคนเดียว หมดลูก

เพื่อหวังทดสอบกำลังภายในจากผลไม้วิเศษของไทย ได้ผลทันตาเห็น

รุ่งเช้าผมเจอญิวในห้องอาหารโรงแรมเพื่อทานอาหารเช้า ขอบตาดำเป็นวงเหมือนหมีแพนด้า ญิวบอกกับผมว่า ไม่ได้นอนทั้งคืน กำลังภายในขึ้นตลอด อาบน้ำสามรอบ ผลไม้นี่วิเศษจริงๆ

ผมบอกกับญิวว่า น่าเอาไปเปิดตลาดที่ห้าง ญิวพยักหน้า ปีนั้นราคาทุเรียนตกต่ำเหลือกิโลกรัมละ 8 บาทสะเทือนใจชาวสวนระยองและจันทบุรียิ่งนัก

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน คนระยองใช้ไม้เคาะกรีด ปอก ญิวยื่นทุเรียนให้ลูกค้าชิม ระดับเจ้าของห้างยื่นให้ชิม การันตีคุณภาพสินค้าได้ เดือนแห่งสินค้าไทยในห้าง ทุเรียนเป็นสินค้าพระเอก ขึ้นเครื่องมาเท่าไหร่ ไม่พอขายเท่านั้น ผมวิ่งขอน้ำหนักบรรทุกจากการบินไทยทุกวัน เพื่อให้ขึ้นจากดอนเมืองได้ทุกเที่ยวบินของการบินไทย

       ทุเรียนเกิดอย่างสง่างามจากฮ่องกงเข้าจีนผ่านห้างยู่ฮัว คุ้มค่าที่ผมควักเงินส่วนตัว 1,200 บาทเลี้ยงทุเรียนน้ำหนัก 4.5 กิโลกรัมในค่ำคืนนั้นที่เชียงใหม่

ผมบันทึกภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกกับทีมบริหารห้างยู่ฮัวที่ร่วมเดินทาง

       อาหารสำเร็จรูปของไทยได้รับความนิยมสูงมาก แต่นั่นแหละ หลังจากนั้นจนวันนี้ไม่มีใครใส่ใจตามต่อ วันนี้ห้างนี้มีสินค้าไทยขายไม่เกิน 5 อย่าง

       ผมพัฒนามวยไทยในเมืองฮ่องกง เพราะผมเล็งเห็นว่า ภาพยนตร์กำลังภายในฮ่องกงเป็นที่ยอมรับของโลก ถ้าเราแทรกตัวเข้าไป ใช้บางบทบางตอนเอามวยไทย ใส่กางเกงมวยไทยเข้าไป จะเสริมยิ่งนัก

       ผมแทรกเข้าไปตามค่ายกังฟู เอาตัวเองเข้าไปฝึก ไปสอน ไปลงนวม ผมนิยมใส่กางเกงยีนส์ขาว เสื้อขาย ยามลงนวม และ ทุกครั้งพอกลับที่พัก ผมจะถอดเสื้อและกางเกง มาดูร่องรอยว่า ตรงไหนเปื้อน ตรงนั้นคือช่องโหว่ที่ผมต้องมาปรับแก้เวลาลงนวมเพื่อปิดช่องโหว่ มิให้อวัยวุธเขาสัมผัสตัวได้ ย่อมหมายถึง ร่างกายอืดเพราะมีน้ำแทรกในกล้ามเนื้อ ทุกอย่างที่เอาตัวเข้าไปแลก เพื่อเป้าหมายเดียวคือ

กระสอบทราย นวม แบ็คชกกระสอบ กางเกงมวย สนับแข้ง เป้าสั้น เป้ายาว น้ำมันมวย

คือสินค้าจากโรงงานในไทยส่งออกได้ โรงงานขยายกิจการก็ต้องจ้างแรงงานเพิ่ม รายได้เข้าประเทศเพิ่ม โดยมีหนังจีนโฆษณาสินค้าไปในเนื้อหา ผลพวงตามมาอีกอย่างคือ นักมวยปลดระวาง สามารถมารับจ้างเป็นเทรนเน่อร์สอนได้อีก

      งานแสดงสินค้าไทยที่ศูนย์การค้าในย่านไท่กู้ฉิ่ง จึงเป็นการเปิดตลาดมวยไทย ผมถ่ายวิชามวยไทยให้กังฟูต่างๆมาช่วยชกโชว์ในรอบการแสดง และ Mike Miles ลูกศิษย์บินมาจากแคนาดามาช่วยงานผม รวมทั้งชกโชว์กับผมด้วย

       เป็นทั้งนักการทูต เป็นทั้งพ่อค้าไปช่วยยืนขายสินค้าเวลาพนักงานขายเข้าห้องน้ำ เป็นทั้งนักแสดง เป็นทั้งนายแบบ เพื่อภารกิจเดียว คือ ผลักดัน

มวยไทยสู่โลก

วิ่งรอกชกโชว์ทั้งฝั่งเกาะฮ่องกง และฝั่งชายแดนจีนด้านนิวเทอริทอรี่

จะเป็นนักการตลาด จะเป็นพ่อค้าขายสินค้าให้ไทย

ต้องไปให้รอด

ปัญญา ไกรทัศน์

Related posts