เปิดปกอกนักเขียน : “เลอบัว” – (ผิง) – ว่าที่ร้อยตรีหญิงกัลยาภัสร์ วัชระชุติมานนท์

เปิดปกอกนักเขียน

“เลอบัว”เตรียมปลุก! นิยายแนวทะเลทรายเรื่องแรก!

 เป็นเพื่อนในเฟซกันมานานแสนนาน รอคอยเธอให้สัมภาษณ์ก็นานแสนนานเช่นกัน วันนี้นักเขียนที่น่ารัก“เลอบัว” หรือ ว่าที่ร้อยตรีหญิงกัลยาภัสร์ วัชระชุติมานนท์ ชื่อเล่น ผิง เจ้าของผลงานที่อ่านจบเรื่อง“พ่ายรักเล่ห์มาเฟีย” แนวโรแมนติกคอมมาดี้ เรื่องราวความรักของคุณหนูไอรดาเจ้าเฮี้ยว ถือเป็นการพลิกคาแรกเตอร์นางเอกเจ้าน้ำตาแบบกักขังฉันเถิด เป็นนางเอกรวยเว่อร์ กระโจนเลือกคู่ เพื่อจะตั้งท้องมีลูกให้คุณตาก่อนตายตามที่ขอ ร้อนถึงคุณหนูไอรดาที่ต้องตามหาพ่อพันธุ์ชั้นดีจึงได้พบ จิโอวาโน่ มาเฟียหนุ่มมหาเศรษฐีอิตาลี ที่ไม่ยอมสยบให้นางเอกของเราง่าย ๆ แต่อยากรู้ว่าไอรดามีวิธีกำราบมาเฟียสุดหื่นให้เป็นแมวเชื่องอย่างไร? ใครรู้ อุ๊บ! ไว้ ให้ไปติดตามความสนุก ฮาสไตล์เลอบัวกันเอง โดยผิงเปิดอกพูดคุยถึงการก้าวสู่เส้นทางสายนี้อย่างอารมณ์ดีปนฮาว่า…

   “อะไรคือแรงบันดาลใจให้เริ่มเขียนนิยายเหรอ…เงินค่ะ เย้ย! ไม่ใช่ เอ่อ…ถึงแม้มันจะมีส่วนนิด ๆ ก็ตาม ฮ่า ๆ ๆ แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก เพราะถ้าเป็นเรื่องเงินทั้งหมด ป่านนี้เลอบัวคงเป็นนักเขียนที่ไส้แห้งที่สุดในปฐพี เพราะกว่าจะมีงานออกแต่ละที ลบกันแล้วลบกันอีก ลบแล้วก็เพิ่ม เพิ่มแล้วก็ลบ เรื่องล่าสุดนี่เกือบสามปีละ เอ๊ะ! หรือว่าเกิน ฮ่า ๆ ๆ เอาจริง ๆ คือกว่าจะเขียนงานได้แต่ละทีต้องอาศัยหลาย ๆ ปัจจัย สภาพแวดล้อมต้องได้ สมาธิต้องดี จินตนาการก็ต้องมา ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะเขียนไม่ได้ทันที เฮ้อ! บางทีก็เรื่องเยอะจนตัวเองยังเอือม แต่ทำไงได้มันเขียนไม่ได้จริง ๆ อันนี้ต้องขอบคุณแฟนพันธุ์แท้ที่ยังอดทนรอ แล้วก็คอยถามกันมาตลอดว่าจะมีงานใหม่เมื่อไหร่ มันทำให้เรารู้ว่าคุณรักในความเป็นเลอบัว และคุณรอเรา พูดแล้วน้ำตาจะไหล อุ๊ย! ยาวไปละ กลับมาที่แรงบัลดาลใจค่ะ แรงบันดาลใจที่ทำให้เริ่มเขียนนิยายอะเหรอ อืม! ก็คงเหมือนกับนักเขียนคนอื่น ๆ ล่ะมั้ง เริ่มจากการชอบอ่าน แต่ไม่ได้ชอบอ่านทุกอย่างนะ คนอื่นอาจจะเป็นคนชอบอ่านแบบรักการอ่าน อ่านได้ทุกอย่าง แต่สำหรับเรา…เราชอบอ่านนิยายค่ะ อ่านแต่นิยายอย่างอื่นไม่แตะ โดยเฉพาะหนังสือเรียน ฮ่า ๆ ๆ  ยิ่งถ้าเจอเรื่องที่ชอบก็จะไม่ยอมวางจะอ่านจนกว่าจะจบ ถึงขั้นไม่เป็นอันทำอะไร จนวันหนึ่งมันถึงจุดอิ่มตัวที่ไม่อยากเป็นแค่นักอ่านละ แต่อยากเป็นนักเขียนบ้าง ก็เลยทำให้เราผันตัวมาเริ่มเขียนในที่สุด เริ่มแรกที่เขียนเหรอ เขียนเพื่อสนองความต้องการตัวเองล้วน ๆ ไม่ชอบดราม่าก็ไม่เอาดราม่าค่ะ ไม่ชอบแอ็คชั่นก็ไม่ต้องใส่แอ็คชั่นค่ะ ไม่ชอบนางเอกเจ้าน้ำตาก็เขียนให้นางเอกเข้มแข็งบึกบึนประหนึ่งชายชาตรีค่ะ สรุปเรื่องแรกก็เขียนไว้อ่านเองสิคะ ฮ่า ๆ ๆ เรื่องแรกล้มเหลวหาแก่นสารอะไรไม่ได้เลย ไม่กล้าแม้แต่จะส่งสำนักพิมพ์ด้วยซ้ำ จากนั้นก็เลยลองใหม่ ทำใจให้เป็นกลางมากขึ้น รู้แล้วว่าเรื่องนึงมันต้องมีครบทุกรส แต่เราเป็นคนชอบอะไรฮา ๆ เราก็ใส่ความฮาเข้าไปเยอะหน่อย ให้มันเป็นตัวเรา เป็นลายเส้นของเรา (เอ้า! ถ้าอย่างนั้นที่เห็นฉากหวิวเยอะ ๆ นั่นก็ตัวเราน่ะสิ) เอิ่ม! ก็ไม่รู้สินะ เอาเป็นว่าเราจบเรื่องแรงบันดาลใจเถอะค่ะ กลัวจะเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ฮ่า ๆ ๆ  เขียนนิยายมา อืม…น่าจะเกือบ 10 ปีแล้วมั้งคะ นามปากกาที่ใช้ก็เลอบัวเลยค่ะ ตอนนี้ยังใช้อยู่แค่นามเดียว แต่อนาคตก็อาจจะมีเพิ่ม เผื่ออยากลองเขียนแนวอื่นที่มันแตกต่างออกไป จริง ๆ มีตั้งเอาไว้แล้วสองสามนาม เร็ว ๆ นี้อาจจะได้เห็นกัน

   นิยายเรื่องแรกที่ตีพิมพ์ “พ่ายรักเล่ห์มาเฟีย” ค่ะ เป็นแนวโรแมนติกคอมมาดี้ ที่มีความโรมานซ์ เป็นแนวน่ารักแต่ก็ร้อนแรงด้วย เอ๊ะ! ยังไง อันนี้คือต้องไปหาอ่านเอง ฮ่า ๆ ๆ ว่าแล้วก็ขายของซะเลย ส่วนนิยายที่สร้างชื่อก็เรื่องแรกอีกนั่นแหละค่ะ “พ่ายรักเล่ห์มาเฟีย” ต้องบอกว่ามันเป็นความโชคดีที่เปิดตู้มมาเรื่องแรกแล้วปังเลย กระแสตอบรับดีมาก ถึงขั้นตีพิมพ์ 2 รอบในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งจิโอวาโน่(พระเอก) และไอรดา(นางเอก) นี่แหละค่ะที่ทำให้คนรู้จักเราด้วยความที่คนหนึ่งหื่นขั้นสุด อีกคนก็ฮาแบบแปลก ๆ ก็เลยทำให้หลาย ๆ คนพลอยจำเราได้  จากนั้นมาความหื่นและฮาก็เลยกลายเป็นลายเส้นประจำตัวของเลอบัว  ณ วันนี้ที่สำนักพิมพ์ทยอยปิดตัวส่งผลกระทบมาก โดนเต็ม ๆ โดนกับตัวเลยค่ะ ในขณะที่กระแสเรากำลังดี  สำนักพิมพ์ที่เราทำงานด้วยจู่ ๆ ก็ปิดตัวลงแบบไม่ทันตั้งตัว ยอมรับว่าตอนนั้นเคว้งมาก ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ด้วยความที่มันเป็นที่แรกที่เดียวที่เราทำงานด้วย มันก็เลยเซนิดนึง แต่หลังจากตั้งหลักได้ก็หันมาขายอีบุ๊กอยู่พักนึง แต่ด้วยความที่เราไม่ได้มาทางสายนี้ คือขายเฉพาะรูปเล่มมาตลอด ช่วงแรกกระแสก็เลยไม่ค่อยดีนัก แต่สักพักก็ดีขึ้น ถึงจะไม่เท่ากับรูปเล่มที่เคยออกกับสำนักพิมพ์ก็ตามค่ะ  งานของเลอบัวออกอีบุ๊กประมาณ 5 เรื่องค่ะ เป็นงานใหม่ 3 เรื่อง งานเก่า 2 เรื่อง แล้วก็จะมีงานเก่ามาลงอีก 2 เรื่องเร็ว ๆ นี้ค่ะ ถ้าถามว่าพอใจยอดโหลดไหม? ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ คือเคยขายรูปเล่มได้ 3000-4000 เล่ม พอมาเจอยอดโหลดหลักร้อย ก็เลยเฟล ๆ นิดนึง แต่ก็ต้องยอมรับว่าช่วงนี้มันเป็นช่วงขาลงของงานสายนี้ จะให้มันอู้ฟู่เหมือนตอนแรก ๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้ค่ะ  ส่วนเรื่องปกอีบุ๊กเลอบัวจ้างเขาทำ สำหรับเลอบัวยังห่างไกลจากคำว่าทำเองอีกโขเลยค่ะ ไม่สามารถจริง ๆ เป็นคน Lowเทคฯ ทำเป็นอยู่ไม่กี่อย่าง ใช้เป็นอยู่ไม่กี่โปรแกรม เอาเป็นว่าจ้างเถอะค่ะ ถึงจะไม่ประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ก็ช่วยเราประหยัดเวลาได้ และตอนนี้อีบุ๊กเขากำลังนิยมนิยายเสียงทางเมพ ถามว่าเราอยากทำไหม?  ณ ตอนนี้ยังค่ะ แต่อนาคตยังไม่รู้เหมือนกัน คือตอนนี้ยังไม่มีเวลาไปศึกษาหรือติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก็เลยยังบอกไม่ได้ว่าอยากทำหรือไม่อยากทำ แต่คิดว่าทุกอย่างมันก็มีข้อดีข้อเสียของตัวมันเองอยู่แล้ว อยู่ที่เราพร้อมจะรับมันไหมมากกว่า ซึ่งสำหรับเราตอนนี้ยังไม่พร้อมค่ะ

 คิดยังไงที่เดี๋ยวนี้คนจะซื้อนิยายแต่ละทีต้องคิดแล้วคิดอีก พอซื้อแล้วก็ขายต่อ ไม่ค่อยมีใครสะสมเหมือนสมัยก่อน ก็ไม่ยังไงค่ะ เพราะเราเองก็เป็น ฮ่า ๆ ๆ ก็เศรษฐกิจอะเนอะ จะใช้จะจ่ายอะไรก็ต้องคิดแล้วคิดอีก แต่ถ้าเป็นนิยายนามปากกาเลอบัว ซื้อเถอะค่ะ ยังไงก็คุ้ม อย่างน้อยก็ช่วยให้หายเครียดได้ ฮ่า ๆ ๆ ว่าแล้วก็ขายของนิดนึง ส่วนเรื่องซื้อแล้วขายต่อเหรอ อืม! ก็มีคิดนิดนึงนะ เชื่อว่านักเขียนหลาย ๆ คนคงเป็นแหละ มันจะมีเสี้ยวนึงของความคิดว่าเอ๊ะ หรืองานเราจะไม่ดี เขาถึงไม่เก็บ แต่พอตั้งสติได้คำว่าซื้อมาขายไปก็เข้ามาในหัวทันที อย่างน้อยก็ช่วยให้เขามีทุนหมุนเวียนซื้อเรื่องต่อ ๆ ไป เขาขายเรื่องของเรา เพื่อไปซื้อเรื่องของคนอื่น ในขณะเดียวกันเขาก็ขายเรื่องของคนอื่น เพื่อมาซื้อเรื่องของเรา มันเป็นวัฏจักรค่ะ

 ในส่วนการแบ่งเวลาระหว่างงานกับครอบครัวนั้น จริง ๆ แทบไม่ต้องแบ่งเลยค่ะ เพราะคนละเวลากันอยู่แล้ว เราจะทำงานตอนลูกไปโรงเรียน เวลาทั้งหมดตอนนั้นก็จะเป็นของเรา ไปไหนมาไหนเราจะมีแท็บเล็ตหรือไม่ก็โน้ตบุ๊กติดตัวไปด้วยตลอด ประหนึ่งอวัยวะที่ 33 กันเลยทีเดียว วันไหนจินตนาการพรุ่งพรูจะได้หยิบมาพิมพ์ต๊อก ๆ แต๊ก ๆ ได้ทันเวลา แต่พอตกเย็นลูกกลับจากโรงเรียนเวลาของเราก็จะกลายเป็นของเขาทันที กระทั่งเขาหลับนั่นแหละ เวลาทั้งหมดถึงจะกลับมาเป็นของเราอีกครั้งนึงค่ะ  สไตล์โดดเด่นของเราที่ทำให้นักอ่านรู้จักคือ แนวโรแมนติกคอมมาดี้ค่ะ เป็นแนวถนัด เป็นลายเส้นที่ทำให้คนรู้จักว่า เลอบัวต้องมาทางสายฮา แล้วบวกโรมานซ์อีกนิดหน่อยให้พอกระชุ่มกระชวย นี่ไม่ได้หื่นเลยนะ(ร้อนตัวมาก) ก็แค่ทำตามความต้องการของตลาด…จริงจิ๊ง

 กับคำถามที่ว่ามีการหันไปเขียนแนวจีนหรือวายไหม? แนวจีนอยากเขียนค่ะ แต่ขอฝึกกำลังภายในก่อน ฮ่า ๆ ๆ เร็ว ๆ นี้แหละค่ะ อยากลองสักทีเหมือนกัน ส่วนแนววายขอบายค่ะ ไม่ใช่ทาง ทำใจไม่ได้ที่เห็นพระเอกได้กันเอง บอกตรง ๆ อิจฉาค่ะ ฮ่า ๆ ๆ

นิยายวางไว้ปีหนึ่งอยากจะเขียนให้ได้มากที่สุดค่ะ แต่ทำไม่ได้สักที ฮ่า ๆ ๆ  หลัง ๆ ก็เลยเลิกวาง ไม่อยากกดดันตัวเอง (แต่จริง ๆ ควรกดดันบ้างก็ดี จะได้มีหลายปกกับเขาสักที)  ถ้าต้องการติดตามผลงานได้ที่ Facebook เลอบัว นักเขียน ค่ะ ข่าวสารทุกอย่างจะอัปเดตทางเฟซ ส่วนถ้าอยากตามอ่านนิยายก็เว็บเด็กดีกับ readawrite ค่ะ แต่ถ้าอยากสนับสนุนผลงานตอนนี้ก็เมพเลยจ้า แหม! ว่าแล้วก็ขายของอีกสักที ส่วนถ้าใครรอรูปเล่มก็ไม่นานเกินรอแล้วจ้า รออัปเดตทางเฟซนะคะ ซึ่งครอบครัวทราบ ทุกคนช่วยโปรโมตกันเต็มที่ โดยเฉพาะลูกสาวช่วยแม่ขายของทุกครั้งที่แม่ออกงานใหม่ นี่ไม่ได้ใช้แรงงานเด็กแต่อย่างใดนะ เขาเรียกว่าช่วยกันทำมาหากินจ้า ฮ่า ๆ ๆ  พล็อตนิยายจะเกิดขึ้นช่วงที่กำลังจะนอนค่ะ พอวางหัวบนหมอนเท่านั้นแหละ พล็อตนี่ทะลักเข้ามาเป็นฉาก ๆ บางครั้งมาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่พอจะลุกไปหาสมุดมาจดเท่านั้นหายเกลี้ยงเลยจ้า กรรมของคนสวยจริงจิ๊ง ฮ่า ๆ ๆ

  นิยายเรื่องล่าสุดตั้งใจจะส่งสำนักพิมพ์ค่ะ แต่อันนี้ต้องรอลุ้นกันว่าจะส่งที่ไหน คืบหน้ายังไงจะแจ้งให้ทราบทางเฟซนะคะ ตอนนี้บอกคร่าว ๆ แค่ว่าเรื่องใหม่ที่เขียนเป็นแนวทะเลทราย เป็นครั้งแรกเลยที่เขียนแนวนี้ แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงเลอบัวก็ยังคงเป็นเลอบัวไม่ทิ้งลายเส้นแน่นอน เรื่องหื่น เรื่องฮาให้ไว้ใจเรา ฮ่า ๆ ๆ ยังไงก็ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ”

เฉลยคำถามนิยายเรื่อง“มณีแสงจันทร์” เรื่องราวเกี่ยวพันความเชื่อเรื่องพญานาค

คำถามนิยาย“เลอบัว” ที่ตีพิมพ์เรื่องแรกคือ?

ทราบคำตอบเขียนชื่อ – ที่อยู่ – และคำตอบให้ชัดเจน ลงไปรษณียบัตร ส่งมาที่ 

เปิดปก…อกนักเขียน

เลขที่ 32/15 ซ.ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 

ผู้ตอบถูก 3 ท่าน ได้รับนิยายจาก เลอบัว (ขอบคุณที่สนับสนุนของรางวัล) หมดเขตส่งคำตอบ 30 มกราคม 2563

Related posts