ควันหลงกินผัก (3) …….โดย ปัญญา ไกรทัศน์

ในการเตรียมการกินผักของแต่ละศาลเจ้า หรือ อ้าม จะต้องมีทุนรอนนอนก้น เพราะการจัดกินผักแต่ละครั้ง จะต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย

เงินที่ใช้ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของศาลเจ้า หรือ อ้าม

และขึ้นอยู่กับกลยุทธและยุทธศาสตร์ในการหาเงิน ที่นอกเหนือจากการ

ทินเนียอิ๋ว หรือ บริจาคจากผู้ที่ไปกราบไหว้ขอพรโดยใส่หีบเพชรหรือหีบทอง

การเปิดรับบริจาค เป็นอีกทางเลือก

แต่การคัดเลือก

เถ้าเก๊เต้จู๊ หรือเถ้าเก้หล่อจู๊

หรือ

นายหัวโรงเตี้ยม

เป็นเรื่องสำคัญ

ก่อนการกินผัก กรรมการแต่ละศาลเจ้าจะต้องประชุมกัน ถ้าเป็นในอดีตกรรมการล้วนแล้วแต่เป็นนายเหมือง ควักเงินคนละห้าแสนหรือล้านบาท ถือว่า ขี้ผง ขนหน้าแข้งไม่ร่วง แต่วันนี้นายเหมืองที่เคยมีต่างพากันล้มหายตายจากกันไป คนที่มาเป็นกรรมการไม่มีเงินหลักร้อยล้าน พันล้าน

      เหลือไว้แต่กรรมการศาลเจ้าที่ไม่มีความเป็นนายเหมืองหรือเจ้าของกิจการโรงแรมใหญ่หรือศูนย์การค้า

จึงต้องทาบทาม

เถ้าเก๊เต้จู๊ หรือเถ้าเก้หล่อจู๊

แต่ละศาลเจ้าจะต้องกำหนดว่า ในพิธีกรรมกินผักปีนี้ จะต้องใช้ม้าทรงกี่คน เข้าทรงพระองค์ไหน และจะเปิดประกาศให้บรรดาม้าทรงมาลงทะเบียน จากนั้นจะมีการคัดเลือกม้าทรงเพื่อเข้าขบวนแห่และทำพิธีกรรมในศาลเจ้า หรือ อ้าม รวมไปถึงต้องคิดว่าจะลุยไฟ ปีนบันได้มีด ไหว้เทวดา ค่าใช้จ่ายเท่าใด

ม้าทรงที่มาเข้าทรงประจำอ้าม หรือ ศาลเจ้า จะต้องนำเทพเจ้าจีนที่ตัวเองจะเข้าทรงมาไว้ที่อ้ามหรือศาลเจ้า และจะมีคนคอยเฝ้าไว้มิเช่นนั้นจะ

โดนขโมย

ม้าทรงที่มาประจำแต่ละศาลเจ้า หรือ อ้าม จะมีข้อตกลง หรือ ระเบียบของอ้าม หรือ ศาลเจ้า ว่า จะถือปฏิบัติอย่างไร? โดยม้าทรงแต่ละคนจะต้องหาอุปกรณ์ประจำตัวเทพเจ้าองค์นั้นมา นับแต่แส้ ออต้อ หรือเครื่องทรง รวมไปถึง เชี้ยม หรือ เข็มสำหรับแทง ขวาน ง้าว ที่จะเจาะปาก โดยทางศาลเจ้าจะไม่รับผิดชอบการผลิตและจัดหาให้ทั้งสิ้น อดีตไม่มีม้าทรงตาย หรือบาดเจ็บสาหัสแต่ยุคปัจจุบันมีให้เห็น

จะมีค่าเบี้ยเลี้ยง หรือ เงินสมณาคุณ ให้กับม้าทรง ตามแต่ตกลงกันว่า จะต้องลางานมาล่วงหน้ากี่วัน จนถึงวันส่งพระและหลังวันส่งพระอีกวันสำหรับเทพเจ้าบางองค์

จะเป็นหลักหมื่น หรือ หลายหมื่นแล้วแต่จะตกลง

ม้าทรงจะต้องจัดหาพี่เลี้ยงมาเอง ในส่วนของพี่เลี้ยง ขึ้นกับทางม้าทรงจะตกลงกันทางอ้ามหรือศาลเจ้าว่า จะมีพี่เลี้ยงกี่คน ได้เบี้ยเลี้ยง หรือไม่ได้ หากได้ จะได้กี่คน เหมาจ่ายเท่าไหร่ โดยทางอ้าม หรือ ศาลเจ้า จะให้ม้าทรง หรือ พี่เลี้ยง ทานอาหารในร้านอาหารของอ้าม หรือ ศาลเจ้าฟรี ถ้าเป็นศาลเจ้าใหญ่ จะมีคูปองเป็นเล่มให้กับม้าทรงและพี่เลี้ยง กินอาหารได้โดยฉีกคูปองจ่าย

ไหนจะต้องมีเบี้ยเลี้ยงให้แม่ครัว ให้เจ้าหน้าที่ที่มาประจำโต๊ะรับบริจาค หรือ ทินเนียอิ๋ว บางคนอาจจะมาช่วยด้วยใจ ไม่รับเบี้ยเลี้ยงก็มี ถือเป็นเงินลงทุนค่อนข้างสูง

ไหนจะต้องมีไม้ไผ่เสียบธงตามเส้นทาง ที่อาจจะมีสปอนเซ่อร์ธงปักตามเสาไฟฟ้า และตามริ้วขบวน เงินมากหรือเงินน้อยขึ้นอยู่กับเด็กถือธง แต่โดยมาก เด็กถือธงมักจะไม่ค่อยได้เบี้ยเลี้ยง เพราะมีแต่คนแย่งถือนำริ้วขบวน

หากเป็นศาลเจ้าที่มีม้าทรงมากกว่า 300 คน จะต้องมีทุนรอนรังจาก เถ้าเก๊เต้จู๊ ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท โดยคนที่มีฐานะเหล่านี้จะช่วยเหลือใน 2 รูปแบบคือ

รูปแบบแรก บริจาคโดยจ่ายขาด เพื่อเป็นทุนในการทำอาหารเลี้ยง และค่าเบี้ยเลี้ยงม้าทรงกับพี่เลี้ยง

รูปแบบที่สอง คนที่มีฐานะมาเป็นประธานจัดหรือกรรมการจัด จะควักเงินส่วนตัวออกมาให้ยืมก่อนกี่ล้านบาท ก็ว่ากันไป เมื่อสิ้นสุดงานหักลบกลบหนี้กันแล้ว จะเหลือเงินมาคืนประธานจัดหรือเถ้าเก๊เต้จู๊ หรือ เถ้าเก๊หล่อจู๊ ตามแต่จะตกลงกัน

บางศาลเจ้า หรือ บางอ้าม มีเงินเหลือเยอะ เพราะคนมาผูกปิ่นโตเยอะ มาบริจาคเยอะ บางคนศรัทธามากขนน้ำมันมาทยอยบริจาค บ้างก็ขนข้าวสารมาบริจาค บ้างก็ขนผักชนิดต่างๆมาบริจาค ที่นอกเหนือจากตัวเงิน บางคนขนธูป บางคนขนเทียนมาบริจาค ตามแต่ใจศรัทธา ต้นทุนค่าอาหารบางอ้ามแทบจะไม่มีเพราะมีคนบริจาคเหลือเฟือ

เราจึงมักได้ยินข่าวแต่ไม่มีใครยืนยันว่า อ้ามนั้นกรรมการทะเลาะกัน แตกกัน บางคนถ้ามีพรรคพวกมาก ขนม้าทรงตามออกมาด้วยเพื่อไปสร้าง

อ้าม หรือ ศาลเจ้าใหม่

หมายเหตุ……

ผมไม่ได้เจาะจงอ้ามไหน ศาลเจ้าใด และภาพที่นำมาแสดงประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ผมเป็นคนถ่ายภาพเอง นี่คือความเห็นส่วนตัว ไม่ต้องออกมาด่าผมน่ะครับ

Related posts