หนังดีติดดาว ***

Shadow Force” ชื่อของกลุ่มสายลับนักฆ่าที่ซ่อนอยู่ทั่วโลก มีเครือข่ายแน่น พร้อมคิลศัตรูทั่วทิศ นำทีมนักฆ่าโดย  เคอร์รี วอชิงตัน, โอมาร์ ไซ, มาร์ค สตรอง, ดาวิน จอย แรนดอลฟ์

กำกับโดย  โจ คาร์นาฮาน

อืม…หนังจะเอาฉากมัน ๆ ก็มี แต่ทำบู๊ไม่ถึง ทำไม่สุด คือจะเน้นชีวิตของครอบครัวนักฆ่าที่ทำผิดกฎด้วยการมีอะไรกันจนฝ่ายหญิงท้องและมีลูก ซึ่งต้องซ่อนลูกไว้ แล้วฝ่ายชายเลิกทำงานซ่อนตัวเลี้ยงลูกชาย ซึ่งพล็อตต่างที่ผู้ชายที่เป็นพ่อวางมือมาเลี้ยงลูกแต่แม่ยังทำงานต่อ ซึ่งมีบทพูดซะเยอะ แล้วบทพูดก็มีทั้งภาษาฝรั่งเศสปนภาษาอังกฤษทั้งเรื่องเลย ฉากบู๊ทำออกมาดูแล้วมันไม่สุด ไอ้ตัวร้ายที่บอกเป็นองค์กรร้ายสุด ๆ แถมเป็นหัวหน้าก็ดูร้ายไม่ค่อยจริงไม่น่ากลัว แถมรวมกลุ่มตัวร้าย ๆ มาปราบครอบครัวพระเอกก็ตายง่ายเกิน  ซึ่งเป็นหนังบู๊ที่ดูไม่มันสะใจเท่าไหร่ แต่ต้องยกความน่ารักให้หนูน้อยที่เล่นได้น่ารักแล้วมีแทรกมุกตลกตอนเปิดเพลงซะเยอะ ในส่วนตอนที่อยู่กันพร้อมหน้าพ่อ แม่ลูกต่างถ่ายทอดอารมณ์ออกมาดี เชื่อว่าพวกเขาเป็นครอบครัวกัน  หนังน่าจะเน้นทางครอบครัวมากกว่าขายแอ็กชันอย่างทีเซอร์เพราะทำบู๊ไม่ถึงแค่ตัดต่อให้ดูบู๊ ติดให้ ** ครึ่ง

M Studio เสิร์ฟความสนุกภาคใหม่ของ “หลวงพี่แจ๊ส โคตรซิ่ง” นำโดยตัวตึง แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก, แจง ปุณณาสา, ป้ารัตนา, สไปร์ท ศุกลวัฒน์ , สมปอง นครไธสง, อ.เบียร์ คนตื่นธรรม, หมอปลา จิรพันธ์, ทนายไพศาล, โตส อัครัช,เบส เอกวัฒน์ นิ, มาร์ค ธุวานนท์,เนม สุรัช (NameMT), รุ้ง ชนัญญา,เหินฟ้า ล้านนาไทย, สมใจ จันทร์มูลตรี, อ.เจน ญาณทิพย์  ร่วมด้วยนักแสดงสมทบคับคั่ง

สำหรับหลวงพี่แจ๊ส ภาค 3 ที่ยังทำออกมาได้ตลกฮา และ มีแง่คิด ให้เป็นแนวทางตัวอย่างที่ดี ภาคนี้เหตุเกิดจากการซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่เริ่ม ทำให้เกิดเรื่องราวต่อเนื่องมากมาย นักแสดงนำ แจ๊ส เล่นได้ดี ตีบทแตกเช่นเคยและผสมผสานบทบาทที่ได้รับดี ในขณะที่นักแสดงทุกคนล้วนแต่แสดงได้ดีเช่นกัน หนำซ้ำไม่ Over Acting จนเกินไป แต่ก็มีบ้างที่ใส่ได้สุดอยู่เหมือนกัน ตัวละครทุกตัวมีความสมเหตุผล พร้อมกับส่งจังหวะตกใจหรือการยิงมุกฮา ๆ ได้ลงตัวแบบไม่ต้องยัดเยียด มุกให้รู้สึกติดขัดเลย  ดูตลกลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ทำให้นั่งดูตั้งแต่ต้นจนจบก็เพลินและสนุก มีคุณภาพ ไม่มีช่วงให้รู้สึกเบื่อเลย คนบ้าที่พูดไปเรื่อยก็ทำให้ดูบ้าแบบมีเอกลักษณ์ดี คือ รำคาญนะแต่ก็มีเสน่ห์ให้ทิ้งไม่ลงด้วย มาที่บทภาพยนตร์ เรื่องราว คำพูด ทำได้ดีลื่นไหลผสมกลมกล่อมลงตัว ไม่ได้โลกสวยเกินไป นอกจากนั้นคำหยาบก็ตามสไตล์ของแต่ละคน ที่บอกมีแง่คิดก็นำไปใช้ในชีวิตจริงได้ เพราะเนื้อเรื่องนำประเด็นในสังคมที่ผ่านมาจิกกัดได้เหมาะเจาะ แม้แต่เรื่องแผ่นดินไหวใหญ่ที่พึ่งเกิดไม่นานก็ยังมีอยู่ในหนังแบบทันท่วงทีเลย ติดให้ ***

        มงคล เมเจอร์ส่งภาพยนตร์ตึง ๆ ของคนหัวร้อนเหมาะกับอากาศร้อนอย่างบ้านเรา ใน “The Surfer กูจะเซิร์ฟ” ที่นำแสดงโดย นิโคลัส เคจ

พักหลัง ๆ นิโคลัส เคจกลับมาเล่นแนวนี้ที่เป็นจุดเริ่มของเขา อย่างเรื่องก่อนหน้าที่แต่งหน้าจนจำไม่ได้ถ้าไม่บอกว่าเขาเล่น กูจะเซิร์ฟเปิดเรื่องด้วยความรักของพ่อที่ชอบเล่นเซิร์ฟจึงชวนลูกไปเล่นด้วยกัน ทว่าก็ไม่ได้เล่นเพราะมีเจ้าถิ่นขับไล่ไม่ให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ นั่งดูก็ได้แง่คิดความเป็นจริงที่ว่า คนเราเมื่อถึงช่วงร่างกายขาดน้ำ ถึงแม้น้ำไม่สะอาดก็จำต้องดื่มกันหิว รู้ ๆ ขาดน้ำกี่วันก็ตายได้ หนำซ้ำต้องสู้กับพวกเจ้าถิ่นที่มีผู้นำลัทธิที่ฆ่าลูกชายคนอื่นเพื่อแย่งผู้หญิง หนังตีแผ่หลายเรื่องในสังคมทุกประเทศ อย่างตัวเอกก็ตัดไม่ขาดเรื่องบ้านของพ่อก็พยายามจะซื้อคืน ทำให้เห็นธาตุแท้ของนายหน้าขายบ้าน ตำรวจล้วนมีเบื้องหลังเลว แต่พอเจอคนจริงต่างกลัวหัวหดหายซ่า บทสรุปคนเลวลงเอยสะใจแต่ปนเศร้านะ จากดูจบก็เข้าใจชื่อไทย และยอมรับว่าหนังไม่ชวนอึดอัด ตรงที่ว่า ทำไมตัวเอกไม่เลิกความคิดจะซื้อบ้านคืนวะโดนแกล้งสารพัด คือถ้าตัดใจก็ไม่ต้องเจอเรื่องร้าย เช่น เรื่องตีนเจ็บ เรื่องอดน้ำ หรือเรื่องถูกปั่นหัวให้กลายเป็นคนจรจัด แต่ก็ได้เห็นความมีน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ที่ยื่นมือมาช่วยโดยไม่มองตัวเอกเป็นคนบ้าไร้บ้าน ติดให้ ***

วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ส่งภาคต่อ เรื่อง “THE ACCOUNTANT 2” เรื่องราวของ คริสเตียน วูล์ฟ (เบ็น แอฟเฟล็ค) มีความสามารถด้านการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน เมื่อเกิดเหตุคนรู้จักมานานถูกฆาตกรรม ทิ้งปริศนาลับไว้บนแขนด้วยข้อความ “ตามหานักบัญชี” วูล์ฟจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการไขคดีนี้  สิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่านั้นคือวูล์ฟต้องร่วมมือกับ แบรกซ์ (จอน เบิร์นธัล) น้องชายของเขาที่ผิดใจกันอย่างรุนแรงเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ ในความร่วมมือกับรองผู้อำนวยการกองคลังแห่งสหรัฐฯ เมรี่เบธ เมดินา (ซินเธีย แอบดาอิ-โรบินสัน) พวกเขาได้เปิดโปงแผนการลับ จนกลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มนักฆ่าที่โหดเหี้ยม โดยพวกมันจะทำทุกทางเพื่อกุมความลับเอาไว้อย่างมิดชิด

เปิดเรื่องก็โอเคมาสไตล์หนังบู๊เลย มาดูภาคนี้ก็คาดหวังว่าสนุกกว่าภาคแรก ซึ่งก็ไม่ผิดหวังพล็อตถือว่าสนุกดี แม้พระเอกจะพูดอธิบายเยอะจนเกือบวูบหลับ แถมแรก ๆ นึกว่าดูภาคต่อของ Sicario เพราะโทนหนังคล้ายกัน แล้วคิดว่าวูล์ฟ (เบ็น แอฟเฟล็ค) ลุยเดียวแต่โยงเอาน้องชายที่ไม่เจอกันหลายปีมาร่วมบู๊พร้อมอาวุธทันสมัยสมเหตุผล แต่มีฉากที่สาว ๆ ต้องใจสั่นคือฉากแบรกซ์ (จอน เบิร์นธัล) อวดหุ่นนานหลายนาทีนะ แต่พอถึงคิวบู๊สองพี่น้องก็ปล่อยเต็มที่พร้อมสาดกระสุนใส่ตัวร้ายอย่างไม่เสียดาย ขอชมเอกเฟกต์ทำถึงจริง หรือฉากเตะต่อย โดยเฉพาะฉากสองสาวซัดกันเสียงดังตุบตับ ๆ สมจริง ยกนิ้วให้สตั๊นเล่นกันสมจริงมาก  ทว่าดูแล้วพล็อตไม่ต่างจากหนังหลายเรื่องที่ตัวร้ายชอบทำธุรกิจผิดกฎหมายแต่เอาอาชีพสุจริตบังหน้า แต่ฉากที่ชอบและน่ากลัวก็คงเป็นฉากที่หนังโชว์ความสามารถของกลุ่มเด็กอัจฉริยะที่พระเอกดูแล พวกเด็ก ๆ เก่งคอม เก่งจนน่ากลัวขนาดฉีกหน้าไอทีของรัฐบาลในการเจาะหาหน้าตาตัวร้ายได้ ที่บอกน่ากลัวเพราะถ้าช่วยเหลือฝ่ายพระเอกก็ปราบคนเลว แต่ถ้าถูกคนเลวเลี้ยงอาจฉกเงินในบัญชีเราโดยไม่รู้ตัวนะ โดยรวมหนังดูสนุกคุ้มค่า บทบู๊แอ็กชันก็โหดดี แต่ขอบอกตัวร้ายหล่อและเกิดแน่ ติดให้ ****

“สุสานคนเป็น” จัดความแค้นโหดโดยเอ็ม สตูดิโอ และ โกลบอล อิงค์ สตูดิโอส์ ที่หยิบเอาเรื่องราวการตายของคุณนายลั่นทม กับโลงแก้วมาขึ้นจอใหญ่ โดยผู้กำกับ วทัญญู อิงควิวัฒน์  ที่นำแสดงโดย นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี, ก้อย อรัชพร โภคินภากร และ แก๊ป ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล กับความลับสุดสยองที่ซ่อนอยู่ เมื่อความตายของลั่นทมไม่ใช่ ‘จุดจบ’ แต่เป็นเพียง ‘จุดเริ่มต้น’ ของการล้างแค้นอันน่าสะพรึง ซึ่ง ‘ความรัก’ ที่กลับกลายเป็น ‘สุสานของคนเป็น และคนตาย’

        เป็นหนังที่เคยสร้างเป็นละคร แต่ถูกนำมาเล่าเรื่องใหม่ในบรรยากาศเวลาในหนัง คือ ช่วงปี 2534 ที่ละครเรื่อง สุสานคนเป็นโด่งดังสุดขีด ในเรื่องสร้างบรรยากาศ สิ่งแวดล้อม ได้ตรงกับยุคนั้นมาก ไม่ว่าจะเป็น ตัวอาคาร ภายในสำนักงาน รถยนต์ การแต่งตัว การใช้โทรศัพท์ ถือว่าเป๊ะมาก คนที่เกิดทันยุคฟองสบู่น่าจะได้ฟิลลิ่งพาให้คิดถึงช่วงเวลานั้นเลย เนื้อเรื่องมีการเรียบเรียงใหม่ใช้ นักแสดงนำแค่ 3 คนเดินเรื่อง  ซึ่งบทภาพยนตร์ก็ทำออกมาดี เดินเรื่องกระชับ เดินเรื่องได้สนุก ไม่น่าเบื่อ ช่วงที่ความน่ากลัวโผล่มาคาดเดาไม่ค่อยได้ทำให้ตกใจ ขวัญผวาส่งจังหวะหนังลงตัวชวนผวามาก อย่างการทำร้ายเอาคืนของคุณลั่นทมค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดูแล้วโหดดี มาที่นักแสดงนำทั้ง 3 คนก็เล่นดีมาก โดยเฉพาะ ก้อย อรัชพร ที่รับบทเป็น ชู้ เล่นได้สุดยอดจนไม่สงสาที่ถูกคุณลั่นทมเอาคืน ทว่าก็มีเสน่ห์ สวยน่ารัก ยั่วยวนสมเป็นชู้  ในขณะที่บทต้องลุย ต้องสู้ และตกใจก้อยก็ทำได้อย่างสมบูรณ์ เรียกว่า ไม่มีที่ติ  ติดให้ **** ครึ่ง

“SINNERS” โดย วอร์เนอร์ บราเธอร์ส  กับเรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1932 ในวันและคืนอันยาวนานในเมืองชนบทคลาร์กส์เดล รัฐมิสซิสซิปปี้ ซึ่งเป็นเมืองที่มีผู้เช่าที่ดินทำกิน นักร้องบลูส์ คนบ้านนอกหัวรุนแรง และความรักที่อัดอั้นไว้ นำแสดงโดย “ไมเคิล บี. จอร์แดน” รับบทฝาแฝดตระกูลสโมคสแต็ก ซึ่งเติบโตในเมืองคลาร์กส์เดล แต่ได้ออกเดินทางไปรบในแนวรบของเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และไปลงเอยที่ชิคาโก ซึ่งพวกเขาทำงานให้กับอัล คาโปนและฝึกฝนทักษะในโลกใต้ดิน แต่แล้วพวกเขากลับมาที่บ้านเกิด

        เป็นหนังที่ผสมผสานแอ็กชันกับดราม่าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว อีกทั้งยังเปรียบการมีอยู่ของแวมไพร์กับการเหยียดผิว ที่คนขาวกระทำต่อคนผิวสีว่าเป็นการจงใจทำลายและกลืนกินวัฒนธรรมได้อย่างเฉียบคม ครึ่งแรกขยับเรื่องช้าหน่อย เพราะใช้เวลากับการปูเรื่องและตัวละครแต่ละคน แต่พอครึ่งหลังคือการนำเอาตัวละครที่คนดูรู้จักอย่างลึกซึ้งมาต่อกรกับผู้ร้ายที่เป็นอมนุษย์และมนุษย์ จนเกิดเป็นช่วงเวลาที่คนดูต้องลุ้นและเอาใจช่วยโดยไม่รู้ตัวว่าหลงรักตัวละครพวกนี้ไปแล้ว ส่วนที่น่าหลงใหลก็บทเพลงแนวบลูส์ ที่อยู่กับคนผิวสีมาอย่างยาวนาน จึงเป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนอเรื่องราวและกล่อมเกลาจิตใจจากเผชิญเรื่องน่าเศร้า แต่น่าเสียดายที่หนังไม่ได้แปลเนื้อเพลงมาให้ด้วย แล้วหนังก็มีคำพูดติดเรตโจ่งแจ้ง บางคำก็พาให้ตลกและคิดลึก แต่นี่คือหนังที่มีความเป็น     ดราม่าปนแอ็กชันที่ดูแล้วสนุก ตื่นเต้น และได้รับรู้และเรียนรู้ในความเกลียดชังที่มนุษย์พึงกระทำต่อกันเพียงเพราะสีผิวที่ต่างกันได้อย่างเฉียบคม ทั้งอวดเอฟเฟกต์ฝาแฝดได้เนียนตา ติดให้ **** ครึ่ง

“Jenny , I Love You” โดยผู้กำกับภาพยนตร์และเขียนบท ต้น-จุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ และ บุญส่ง นาคภู่ พร้อมด้วยผู้กำกับภาพ ธีรวัฒน์ รุจินธรรม และผู้ลำดับภาพ  ลี ชาตะเมธีกุล ที่นำแสดงโดย “จ๋า” วีราณัฐ โควินทะสุด-มิสแกรนด์อุดรธานี ปี 2018 ถือเป็นหนังเรื่องแรก, “ต๊อบ” ชัยวัฒน์ ทองแสง, จีรนันท์ ชำนาญเกษมพันธุ์, “แทค” ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม และ “ปู”ยะสะกะ ไชยสร

        หน้าหนังมีความเป็นหนังอินดี้และหนังนอกกระแส แต่ไม่ใช่หนังที่ดูยากเลย หนังมีผู้กำกับ 2 คน คือ พี่สืบ บุญส่ง ที่มักพูดถึงคนบ้านนอก คนต่างจังหวัดในหนังของเขา กับ ต้น จุมภฏ ที่เน้นความหวือหวาและความอีโรติกในงานของเขา หนังเรื่องนี้จึงเป็นการผสมผสานแนวทางที่แตกต่างกันได้อย่างลื่นไหลและลงตัว แต่สะท้อนความเป็นจริงของสังคมไทยที่มีความเหลื่อมล้ำและความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศ ที่ผู้ชายเป็นใหญ่และผู้หญิงเป็นรองและเป็นเพียงวัตถุทางเพศได้อย่างชัดเจน หนังใส่ภาพจำลองของสังคมไทยที่มีเรื่องของผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองท้องถิ่นให้เป็นผู้กุมอำนาจ คนธรรมดาที่อัตคัดขัดสนและปากกัดตีนถีบที่เหลือทางเลือกให้เดินไม่มากนักจึงต้องเป็นเบี้ยล่าง และท้ายเรื่องมีความสนุกและสะใจที่ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาทวงแค้นและทวงคืนทุกอย่างจากกลุ่มผู้ชายที่ปฏิบัติและกระทำต่อเธออย่างดูถูกและเหยีดหยามได้อย่างถึงพริกถึงขิง ติดให้ ****

        “7 ต้องตาย โกงความตาย” เป็นการครบรอบ 25 ปีพอดีจึงได้จัดฉายรอบสื่อ พร้อมโปสเตอร์เท่!

        ถือเป็นการครบรอบ 25 ปีจึงได้จัดฉายเรื่อง “7 ต้องตาย โกงความตาย” นับตั้งแต่เริ่มมีการฉาย ภาคแรกในโรงภาพยนตร์ เมื่อปี 2543 ดูในหน้าหนังอาจจะทำให้มีคนเข้าใจผิดว่าเป็น ภาคใหม่ก็ได้ แต่จริง ๆ แล้ว คือ หนังเรื่องเดิม ซึ่งเป็นภาคแรก ฟิล์มฉบับเดิม เป๊ะ ๆ  ไม่ได้เป็นการทำซ้ำขึ้นมาใหม่แต่อย่างใด ถ้าคนเคยดูแล้วอย่างเราก็เท่ากับได้ดูซ้ำเท่านั้น ส่วนใครที่ยังไม่ได้ดู ควรต้องพิจารณาให้ดี เพราะคุณภาพ ภาพความคมชัด คือ แบบหนังรุ่น 20-30 ปีก่อน ดูจอใหญ่ก็มีความไม่ชัดให้เห็นพอสมควรนะ สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างออกมาหลายภาคและโด่งดัง ถูกคอหนังแนวนี้มากทีเดียว กลับมาดูซ้ำ ติดให้ ** ครึ่ง

Related posts