รีวิว “IN THE LOST LANDS แดนทมิฬ เมืองต้องสาป”
ยอมรับว่าเข้าไปดูแบบไม่รู้เรื่องราวจริง ๆ แต่ชื่นชอบ 2 นักแสดงอย่าง มิลลา โยโววิช และ เดฟ บอทิสตา ดูหนังแบบไม่รู้เรื่องราวมาก่อนดีแล้ว เพราะมาดูคือ มันสนุกมาก ดูจบก็ไม่ผิดหวัง พล็อตแปลก ฉากแปลก ดีไซน์ฉากบู๊ดูสนุกดีและเท่โดยเฉพาะโยโววิช และเดินเรื่องไวทำให้อยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้นไปเรื่อย ๆ คือมันดูแล้วได้ลุ้นเรื่อย ๆ ว่าเรื่องมันจะเป็นแนวไหน จบยังไง กลางเรื่องจนจบก็มีหักมุมได้ว้าว ว้าว ว้าว ต้องไปดูเองแต่สนุก และโยโววิชเล่นดี เล่นบู๊เท่ ต้องชมคนดีไซน์ฉากให้เธอบู๊ออกมาเท่ บู๊แบบใช้ดาบยังออกมาเท่เลย แอ็กชันออกแนวผีชีวะแต่ภาคแม่มด เพราะผู้สร้างจาก Resident Evil นั่นเอง แต่มีความเก๋ตรงลายสักคาดหน้าดูสวย มีเสน่ห์ น่าจะติดเทรนด์สาว ๆ เอาไปสักหน้าตัวเอง หนำซ้ำเธอฟิตหุ่นมาดีมาก อีกทั้งหน้าก็ยังเด้งเหมือนเดิม ไม่แน่ใจว่าใช้ CG ช่วยหรือเปล่าแต่หน้าไม่ต่างจากเรื่องผีชีวะแต่ดูจะสวยมีเสน่ห์กว่าสมเป็นแม่มด ซึ่งต่างจากบอทิสตานั่นหล่อดิบเถื่อน ดูแมน ๆ แถมอบอุ่นบางฉากที่อยู่กับนางเอก ในเรื่องไม่มีฉากจริงเลยเป็นสกรีนเลยแต่ดูเนียนตาและเป็นหนังแฟนตาซีปนแมดแม็กซ์ดูทึม ๆ บอทิสตาเขาเหมือนจับทางตัวเองถูกเอาตัวเองไปบวกกับนางเอกบู๊อย่างเรื่องก่อนหน้าก็ดึงโอลกา คูรีเลนโก (นางเอกเจมส์ บอนด์) แต่เรื่องนี้ดึงโยโววิชมาร่วมบู๊ก็เล่นเคมีเข้ากันดี ฉากพระนางบอทิสตาก็เล่นเป็นผู้ชายอบอุ่นดี คุ้มค่ากับการดู จริง ๆ มันก็ต่อได้เพราะพล็อตเป็นแม่มดไปได้เรื่อยแต่จบแบบนั้นก็จบสวย ติดเต็ม *****
รีวิว “Now You See Me: Now You Don’t อาชญากลปล้นโลก 3”
เปิดเรื่องมาก็ตื่นเต้นเลย และได้เห็นบรรดาจตุรอาชาครบทีม แต่ปรากฏว่าเป็นอาชญากลที่เจ๋งของทีมเจนใหม่ที่ได้มารวมตัวกับรุ่นพี่ที่พวกเขาเป็นติ่ง หนังมีทั้งความสนุกสนานแทบไม่หยุดสักฉาก พาลุ้นตลอด แถมพูดเยอะก็ฟังทัน และไม่ลืมมุขตลกของหนังเทศที่ต้องมีแทรกเข้ามา อีกทั้งนักแสดงตัวเอกก็ไม่ทิ้งความเก๋าเกม หากแต่ก็ต้องใช้ไอเดียความคิดของเด็กเจนใหม่เพื่อสร้างกลชิงเพชรหัวใจจากนางมารที่แสดงได้เยี่ยม ดูร้ายสง่า เป็นหนังที่ดูเพลิน ตื่นเต้น แล้วเรื่องของเรื่องนักแสดงชุดเดิมกลับมารวมทีมเพราะถ้าไม่มารวมจะไม่สมเป็นเหล่าจตุรอาชาเลย และนักแสดงแต่ละคนก็พยายามดูแลรูปร่าง หน้าตาไม่ให้ห่างจาก 2 ภาคที่ผ่านมา นาน เรื่องนี้มีฉากมายากลแบบอัจฉริยะให้เห็น ต้องชมคนเขียนบทที่นำความทันสมัยมาทำเป็นกลเพื่อชิงเงินจากคนโกง หรือชิงเพชรจากนางมาร จากที่เขาซุ่มสร้างพอกลับมาก็ว้าวแล้ว ว้าวอีก หนำซ้ำเรื่องก็สมเหตุผล และซ่อนความลับแบบเซอร์ไพรส์จนว้าวมาก และได้นำทฤษฎีเรื่องเพชรตัดกระจกมาใช้ช่วยชีวิตแล้วบวกพลังสามัคคีเพื่อเอาตัวรอดจากการจมน้ำ ถือเป็นเทคนิคที่สุ่มเสี่ยงใช้เวลานาน ทว่าก็สอนเรื่องความสามัคคีคือพลังทำให้รอดชีวิตเพราะตอนแรกพวกเขาไม่ถูกคอกัน ก็ได้เกริ่นให้รู้ว่าหลังจากพวกเขาแยกย้ายแต่ละคนไปทำอะไรแบบไม่ยืดเยื้อเกริ่นนาน เพราะหัวใจของเรื่องคือใช้อาชญากลชิงเพชรและแฉความเลวของนางมาร โดยรวมเป็นการกลับมาอย่างว้าวมาก ทั้งทำคนทั้งโรงตบมือเมื่อมาร์ก รัฟฟาโล ผู้นำเนตรภาคีโผล่มา แถมทิ้งท้ายว่า นี่เป็นแค่การเริ่มต้น รอให้พวกเขากลับมาทำเราว้าวอีก ติดเต็ม *****
นักแสดง
“HOST – แม่ซื้อ”
ภาพยนตร์กับผลงานโดย Amazon Original ไทย เรื่องล่าสุดที่สตรีมใน Prime Video โดยเรื่องนี้เป็นการปลุกเรื่องความเชื่อ แม่ซื้อ ที่สร้างออกมาได้สยองขวัญมากพอสมควร เนื้อเรื่องกล่าวถึงสมัย 2519 ที่การสื่อสารยังไม่ได้สะดวกมากนัก และมีโรงเรียนดัดสันดานหญิง ที่ตั้งอยู่บนเกาะ สำหรับบรรยากาศทำออกมาได้ครึ้ม ๆ ชวนสยองขวัญ เพราะมีความเก่า แต่ก็ไม่เปลี่ยว เนื่องจากมีตัวละครอยู่หลายคน เมื่อมีฉากสยองก็ต้องมีตกใจซึ่งทำได้ดี เสียงมาเป็นจังหวะเป๊ะมาก พร้อมด้วยการทำร้ายที่รวดเร็ว เด็ดขาด รุนแรง มากพอควร ด้านบทภาพยนตร์ดี ได้ไขที่มาชัดเจน เป็นหนังที่ดูสนุก ตกใจ เกือบทั้งเรื่องเลย และนักแสดงนำ เล่นได้ดีมากทุกคน ทั้ง เพิร์ธ-วีริณฐ์ศรา ตั้งกิจสุวานิช รับบท เอม กับ เอ๋-นรินทร ณ บางช้าง รับบท ครูปริศนา ที่เล่นได้สมบทบาท และ ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์ รับบท อิง ที่เล่นได้ดีสุด ๆ แต่ละคนถ่ายทอด ออกมาหลากหลายอารมณ์ ตามแต่ละฉาก ทั้งแสดงออกผ่านสีหน้า ทั้งแววตา พาให้รู้สึกคล้อยตามพวกเขามาก ซึ่งความเด่นของหนังอยู่ที่การไล่ฆ่า ที่โหด รุนแรง รวดเร็ว มากกว่า มาตรฐาน หนังผีปกติ ทว่าก็มีเหตุปัจจัยในการถูกกระทำเกือบตลอด ยกเว้นช่วงท้าย เหมาะคนชอบแนวนี้สมัครดูที่ Prime Video ติดให้ ****
รีวิว “Curious Tales of a Temple – เรื่องพิศวงตำนานลึกลับ”
เป็นอะนิเมชันที่นำเสนอเรื่องราวตำนานเรื่องเล่าปรัมปราของจีนที่หยิบมา 5 เรื่อง มาเล่าเป็นตอน ๆ ให้ดูกัน โดยการผลัดกันเล่า ระหว่าง คางคก เต่า และ ชายหนุ่ม ที่เผลอตกลงไปในบ่อน้ำโบราณ เรื่องทั้ง 5 ที่เล่า คือ 1) นักพรตเต๋าจากเขาเหลาซาน 2) องค์หญิงดอกบัว 3) ผีสาวเนี่ยเสี่ยวเซี่ยน 4) ร่างจำแลงแต่งแต้ม 5) ลูกสาวนายอำเภอลู่ ทั้ง 5 เรื่อง ล้วนทำออกมาได้สนุกไม่น่าเบื่อ ฉากพื้นหลังก็สวยงามมาก ให้ทั้งความรู้สึก เหมือนจริง แบบภาพวาด การเคลื่อนไหวของตัวละคร นิ่มนวล แต่ก็ยังดูไม่ธรรมชาติ แต่ละตอนล้วนสนุกและน่าติดตาม มีความพิศวง มหัศจรรย์ ถือว่าบทภาพยนตร์เรียบเรียงออกมาได้ดีเยี่ยม สมบูรณ์แบบ ทั้งการเล่าเรื่อง ฉากอะนิเมชันเหนือธรรมชาติดูแล้วเพลินตาเนียนดีแท้ แล้วความเด่นของเรื่องนี้คือการเอาตำนานพิศวงมานำเสนอ จากที่ดูน่ากลัวกลับดูสวยงาม และตัวละคร การเคลื่อนไหว ดูสมูท แต่มากเกินไปหน่อยจนไม่ดูเป็นธรรมชาติบางฉาก ติดให้ ****
รีวิว “The Legend of Hei 2 – เฮย ภูตแมวมหัศจรรย์ 2”
เป็นหนังการ์ตูนภาคต่อ หลังจากสร้างความประทับใจในภาคแรกมาแล้ว เมื่อ 6 ปีก่อน สำหรับภาคนี้เรื่องราวค่อนข้างเกี่ยวข้องกับ ศิษย์พี่ ของ เฮย มากกว่า ตัวละครใด ๆ รวมถึง เสี่ยวเฮย ตัวเอกของเรื่องด้วย ในภาคแรกจะมีฉากในป่าธรรมชาติเป็นหลัก แต่ในภาคนี้จะเป็นในตัวเมืองโบราณ และมีฉากต่อสู้กันเยอะกว่าภาคแรกพอสมควร การติดตามสืบคดีหาผู้บงการค่อนข้างดุเดือด ระดับความคิดโตกว่าภาคแรกมาก ส่วนเนื้อเรื่อง บทภาพยนตร์ร้อยเรียงเรื่องราวให้ดูสนุก เป็นอะนิเมชันที่ทำภาพออกมาได้สวยงาม มีชีวิตชีวา เพลินตาขณะดูมาก ยิ่งฉากเมืองโบราณสร้างออกมาสวยงาม สรุปภาคนี้ต่างจากภาคแรกเรื่องของเนื้อหาและฉากต่อสู้ที่รุนแรง แต่สนุกเกือบตลอดเรื่อง ถ้ามีเด็กไปดูด้วยซึ่งพากย์ไทยก็จะเหมาะมากกว่า ติดให้ ****
รีวิว “เสือ 4 Tigers”
หนังของผู้กำกับ โขม ก้องเกียรติ ผู้เนรมิตจักรวาล “ขุนพันธุ์” ที่ว่าด้วย 4 เสือภาคกลาง ได้แก่ เสือฝ้าย (เวียร์ ศุกลวัฒน์) เสือมเหศวร (มาริโอ้ เมาเร่อ) เสือใบ (เป้ อารักษ์) และ เสือดำ (โตโน่ ภาคิน) ปูมหลังของเรื่องอยู่ในยุคหลังสงครามโลก ฉากหน้าคือการแย่งชิงความได้เปรียบทางการเมือง ผ่านตัวละคร 4 “เสือ” ซึ่ง แกนกลาง คือ “เสือฝ้าย” ที่มีอาคมกล้า “วาโธโนอะมะมะวาวา” เหยียบพื้น ตู้ม! ซึ่งเป็นคาถาใช้สยบศัตรู เปรียบเสมือนเกราะ เสือฝ้ายถือเป็น เสือ หรือ โจรที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดา 4 เสือเลย ในขณะที่อีก 3 เสือ ได้แก่ เสือมเหศวร เสือใบ และ เสือดำ ก็ยอมเข้าร่วมในภารกิจ “ลอบสังหาร” จอมพล.. หนังเดินเรื่องได้รวดเร็ว ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ กลิ่นอายออกแนว “คาวบอย” บวก “ความสนุก” และมันส์ ตบด้วยมุขตลกที่สอดแทรกเข้ามา จะมีความตลกคล้าย ๆ หนังระดับโลกอย่าง “อเวนเจอรส์” ตรงนี้เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย ๆ เรื่องราวร้อยเรียงเรื่องออกมาทั้งสนุก ตลก มันส์ผสมกลมกล่อมซึ่งไม่ง่ายเลย ซึ่งใครเคยดู “ขุนพันธุ์” เรื่องนี้แตกต่างอย่างสุดขั้วตรงความ “ฮา” ของตัวละคร โดยเฉพาะ “เสือดำ” (โตโน่ ภาคิน) เหมือนเอาชีวิตจริงของมาแล้วครอบด้วย “คาแร็กเตอร์” ถ้าไม่ใช่โตโน่ก็ไม่สามารถหาคนอื่นมาเล่นได้ อย่างนักแสดงคนอื่น เวียร์ มาริโอ หรือ เป้ ทุกคนสวมคาแร็กเตอร์ได้เหมาะอย่างยิ่ง ฉากที่ทุกคนอยากดูคือฉากต่อสู้ด้วย คาถา ซึ่งคาถาของเสือฝ้าย คือ เท่มาก ส่วน เสือมหศวร ก็ดูโกง คาถาของเสือใบก็เร่าร้อน เร้าใจ ขณะที่เสือดำนั้นดุดัน ถือว่าเสือทำให้หนังไทยยกระดับและไม่เสียดายเงิน ติดให้ **** ครึ่ง
รีวิว “PRIMITIVE WAR – สงครามโลกล้านปี”
เป็นหนังที่มีไดโนเสาร์สัญชาติออสเตรเลีย ที่ดัดแปลงมาจากเกม เนื้อเรื่องเกี่ยวกับ สงครามเวียดนาม แต่ศัตรูหลัก คือ เหล่าไดโนเสาร์ ใช้การถ่ายทำแบบ CGI หลักการเดียวกับ JURASSIC WORLD : REBIRTH แต่ภาพออกมาดูไม่สวยงาม เนียนเท่าที่ควร ในส่วนของตัว ไดโนเสาร์เคลื่อนที่ขยับได้ดี แต่การรวมภาพดูขัด ๆ ไม่เนียนตาพอจะให้รู้สึกเสมือนจริงมีชีวิตเท่าไหร่เลย อีกทั้งเนื้อเรื่องดำเนินเรื่องค่อนข้างไม่มีเหตุมีผล เหมือนอ้างไปเรื่อย อาจจะเพราะ อิงมาจากเกมด้วย แต่นักแสดงนำนั้น เล่นดีกันตามบทบาท ไม่ได้แย่ แต่บทตัวละครไม่ค่อยส่ง พวกเขาเท่าที่ควร ซึ่งโดยรวมเป็นหนังที่ดูแล้วไม่ได้รู้สึกสนุกมากเท่าไหร่ เลยทั้งที่เป็นหนังไดโนเสาร์ ต่างจากโปสเตอร์ที่ดึงดูดมากกว่า ซึ่งความเด่นของหนังเอาประวัติศาสตร์สงคราม มายำรวมกับไดโนเสาร์ถือว่าแปลกทีเดียวเลย ทว่าพล็อตไปไม่สุด น่าเสียดายอยู่ ติดให้ 1 ดาวครึ่ง
รีวิว “WENT UP THE HILL – หลอนสวมร่าง”
แต่ก่อนจะได้ดูหนัง พี่กิ๊ก พีอาร์ก็ดูแลอย่างดีเตรียมข้าวโพดและน้ำอัดลมให้สื่อได้เพลิดเพลินในการชมหนังที่ดูเหมือนจะหลอนมีผี แต่กลับไม่มีให้เห็น เป็นแนวเข้าสิงร่าง สลับคนไปมา ค่อนข้างออกแนว จิต ๆ หน่อย ซึ่งเนื้อเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อ คล้าย ๆ เรื่องคนในบ้านทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกันแล้วเหวี่ยงใส่กัน ในส่วนของบทภาพยนตร์ ทำอะไรมากนักไม่ได้ แต่หนังพยายามชดเชยด้วยการถ่ายภาพที่ใช้มุมกล้อง แสงเงาให้ออกมาดูสวยงาม สมดุลดี ฉากในหนังออกแนวแสงเงาเกือบจะขาวดำแทบทั้งเรื่อง ที่ไม่ควรลืมคือนักแสดงนำ 2 คน เล่นได้ดี อินกับ บุคลิก 2 คนในร่างเดียว ทั้งตอนที่ถูกสิงและเวลาปกติ ในเรื่องภาพน่ากลัว สยดสยองก็ไม่มี มีแต่ภาพที่เปลือยกาย เห็นช่วงบนของทั้ง 2 ฝ่ายแบบชัดเจนแทน เป็นหนังที่ไม่มีผีออกมาหลอน แต่ออกแนวจิต ๆ ที่ดูแล้วน่าเบื่อ อีกทั้งการถ่ายมุมกล้องที่เล่นแสงเงาขาวดำทว่าออกมาสวยงาม แล้วจุดด้อยคือเรื่องราวที่น่าเบื่อ ซึ่งเป็นเกี่ยวกับครอบครัวที่ทะเลาะและผิดใจกันจึงไม่มีความหลอนเท่าไหร่ ถ้าจะหาความตกใจก็น้อยมาก ติดให้ **
รีวิว “Marching Boys – โน้ตหัวใจ นายวงโย”
สำหรับเรื่อง Marching Boys – โน้ตหัวใจ นายวงโย ที่นำเข้าฉายโดยค่าย THAM STUDIO 19 ถือเป็นค่ายที่นำหนังเข้าฉายดีหลายเรื่องจากที่จัดรอบสื่อ สำหรับเรื่องล่าสุดเป็นหนังฝั่งไต้หวัน ถือว่าดีทำให้ได้ดูหนังไต้หวันและมีพระเอกที่ชอบอยู่ที่นั่น หนังบอกเล่าเรื่องราวย้อนยุคไปช่วง ปี 1992 หนังทำออกมาได้เข้ากับบรรยากาศยุคนั้นมาก ทั้งสภาพสถานที่ ร้านค้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า การแต่งกาย ล้วนทำให้รู้สึกย้อนกลับไปยุคนั้นจริง ๆ ถือว่าลงทุนเนรมิตฉาก เสื้อผ้าให้สมจริง ส่วนเรื่องราวของพระเอกกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในวงโยธวาทิต ตั้งแต่เริ่มเข้าวงจนถึงการแข่งขัน เพื่อให้ได้เดินตามฝัน ล้วนต้องมีเหตุการณ์มากมาย ไม่ว่าจะเรื่องความรัก ทั้งแบบ ชอบสาว ๆ ครูกับนักเรียน และ คนในครอบครัว เนื้อเรื่อง บทภาพยนตร์ถือว่าทำได้ดีทีเดียว ซึ่งเรียบเรียงให้เข้าถึง วิถีชีวิต ทุกตัวละครทำให้เห็นมุมมองและแนวคิดความแตกต่างระหว่างวัย และ การความเข้าใจ รวมถึงเรื่องความสามัคคีสื่อออกมาอย่างดี นักแสดงเองก็เล่นได้ดีมาก ๆ เข้าถึงบทบาทอย่างน่าชื่นชมทุกคน แต่อาจจะมีเว่อร์หน่อย ตรงตัวเอก เวลาถอดเสื้อ เหมือนโชว์กล้ามเนื้อ ที่ดูเกินวัยรุ่น ม.ปลายไปหน่อย แต่เป็นหนัง Feel Good ที่ดูแล้วอิ่มเอมใจทุกช่วงวัย ทั้งให้บรรยากาศที่นิยม ได้ดูวงโยธวาทิตเหมือนจริงในยุค 90 ที่จับเครื่องดนตรี ท่วงท่าทำได้ถึงมาก เพียงแต่ตัวนักแสดงบางคนเป็นผู้ใหญ่ที่มาสวมบทนักเรียน ม.ปลาย ก็จะมี ขัดตานิดหน่อย ถือเป็นหนังที่ควรดูเพราะสร้างแรงบันดาลใจ รักสามัคคี กันดี ติดให้ ****
