หนังดีติดดาว***

พบกับมหากาพย์ศึกแห่งสายเลือดสุดเข้มข้นที่สร้างจากแรงบันดาลใจในการสถาปนากรุงสุโขทัยในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “พระร่วง..มหาศึกสุโขทัย” สนับสนุนโดย กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยฝีมือการกำกับฯ ของ แน็ต-ชาติชาย เกษนัส ที่ผนึกกำลังสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพกับโปรดิวเซอร์คนเก่ง วิน-อนาวิล วิภาสวัสดิ์ พร้อมได้ทีมนักแสดงมากฝีมือ เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์, แก๊ป-ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล, สงกรานต์-รังสรรค์ ปัญญาเรือน, เน็ท-กานดา วิทยานุภาพยืนยง, ตั๊ก-นภัสรัญชน์ มิตรธีรโรจน์ และ สตรีเพชร เยม

        ได้แรงบันดาลใจจากบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  (ร.๖) หนังทำมาเป็นเรื่องราว 2 ยุค สลับไปมา ระหว่าง ยุคปัจจุบันกับยุคก่อตั้งสุโขทัย มีการใช้ภาพสีและภาพขาวดำ ซึ่งทำมาได้แปลกดี คือ ให้อดีตเป็นภาพสีหลัก ส่วนปัจจุบันกลับเป็นภาพขาวดำซะงั้น  สวนทางกับแนวที่เคยมีมา ในส่วนบทเรียบเรียงมาดี ดูช่วงแรก ๆ  อาจจะงง  หน่อย แต่จะค่อย ๆ ประกอบเรื่องราว ความสัมพันธ์ให้เข้าใจได้ในที่สุด สำหรับฉากและเครื่องแต่งกายถือว่าทำออกมาน่าเชื่อว่าย้อนสู่สุโขทัย ทำแล้วสมจริงตามยุคสมัย สวยงาม ถึงแม้บางฉากดูสวยไปหน่อย รวมถึงสถาปัตยกรรมบางอย่างที่ดูจะขัด ๆ เล็กน้อย  มาที่นักแสดงทุกคนถ่ายทอดอารมณ์ในบทของตัวเองได้ดีมากเหมือนอยู่ยุคนั้น โดยเฉพาะถ่ายทอดอารมณ์ผ่านทางสายตาสื่อออกมาได้ดีเยี่ยม หนำซ้ำคำพูดก็สวยงาม ศิลปะการใช้ภาษาเข้ากับยุคนั้น ๆ ในส่วนของดนตรีก็ไพเราะ แม้ดูขัด ๆ กับยุคสุโขทัยแต่ในขณะเดียวกันก็คล้ายกับชมเดอะมิวสิคัลหน่อย ๆ  ทว่าจากที่ดูจบหนังไม่ได้ให้คำตอบอะไรชัดเจนบางเรื่อง เหมือนพยายามนำเสนอประเด็นชวนคิด คำถามใหม่ ๆ กับอดีตที่อาจจะเคยมองข้ามไปให้ตีความไปได้อีกมาก แต่เหมาะกับคนที่ชอบหนังประวัติศาสตร์ เพราะให้แง่คิด มุมมอง ประเด็นที่นำไปต่อยอด รวมถึงเข้าใจอดีตที่ผ่านมาลึกซึ้งขึ้น  ติดให้ ****

        FINAL DESTINATION BLOODLINES เป็นภาพยนตร์แฟรนไซส์ สยองขวัญ ที่ไม่มีผี นำแสดงโดย คาร์ทลิน ซานตา ฆวนา, เทโอ บริ, โอเนส ริชาร์ด, ฮาร์มอน โอเว่น แพ, ฯลฯ โดย วอร์เนอร์ บราเธอส์ 

        เป็นหนังแฟรนไซส์สยองขวัญที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นั้นคือ ความตายที่พยายามไล่ล่าด้วยอุบัติเหตุต่าง ๆ หลังจากที่ฉายต่อเนื่องกัน 5 ภาค แล้วได้หยุดไปนาน ปีนี้ครบรอบ 25 ปี ก็ได้มีภาคที่ 6 ซึ่งภาคนี้มีความแตกต่างจากภาคก่อน ๆ คือ ผู้ร่วมชะตากรรมหาใช่ ผู้ที่อยู่ร่วมเหตุการณ์เดียวกัน และ โกงความตายมาได้ แต่เป็นลูกหลานของผู้ที่เคยโกงความตายในอดีต จะเรียกว่า เป็นคำสาปของตระกูลก็ว่าได้ โดยจุดเริ่มต้นมาจากเหตุการณ์ในสกายวิวเมื่ออดีต นานมาแล้ว รวมถึงได้เล่าให้รู้ถึงที่มาการรู้เรื่องความตายที่ไล่ล่าของสัปเหร่อ คนผิวสีที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพในทุก ๆ ภาค ซึ่งนำแสดงโดย ‘โทนี่ ทอดด์’ ที่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสุดท้ายของการแสดง ก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็ง เมื่อปลายปี 2024  ฉากที่ปรากฏตัวในภาคนี้เขาดูผอมลงไปมาก แต่ก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังการแสดงที่ยอดเยี่ยม พร้อมคำสอนที่ดี ทิ้งท้ายให้จบอย่างสวยงาม และในภาคนี้การไล่ล่าความตายยังมีมิติและเล่าเรื่องเงื่อนไขความตายที่แตกต่างจากภาคก่อน ๆ เช่น ฉากอุบัติเหตุต่าง ๆ ยังคงทำได้โหดเหมือนเดิม หวาดเสียวจนนั่งเกร็งเลย ส่วนนักแสดงทุกคนเล่นได้ดี สำหรับบทภาพยนตร์เขียนออกมาดีเยี่ยมทำให้ร้อยเรื่องราวลงตัวดูสนุกหวาดเสียว ยิ่งได้ดูผ่านจอยักษ์ระดับ IMAX แม้ไม่เป็น 3 มิติ แต่เวลาของพุ่งเข้ามาก็สยองสุด ๆ และการโกงความตายยังเป็นจุดขายเรื่อง ติดให้ ****

        คำถามจากภาพยนตร์เรื่อง “FINAL DESTINATION BLOODLINES” ใครรับบทเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ ในทุกภาค รวมภาคนี้ด้วย

        ทราบคำตอบเขียนใส่ ไปรษณียบัตร พร้อมชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทร.ที่ถูกต้อง ส่งมาที่ “หนังดีติดดาว” 32/15 ลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900  ผู้ที่ตอบถูก 3 ท่าน จะได้รับของรางวัลจาก วอร์เนอร์ บราเธอส์  (ขอขอบคุณสนับสนุนของรางวัล) 

เหตุการณ์จริงครั้งนั้นได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกหลายเรื่อง และในปีนี้ มันกำลังจะถูกปลุกขึ้นมาหลอนอีกครั้งใน “The Ritual ไล่มันออกจากร่าง” ซึ่งนำแสดงโดย อัล ปาชิโน, แดน สตีเวนส์, แอชลีย์ กรีน และ อบิเกล โคเวน

จะไม่ค่อยชินภาพ อัล ปาชิโนในบทบาทหลวงไล่ผีซึ่งต่างจากลุคเจ้าพ่อมาเฟีย สำหรับหนังชื่อไทยก็ชัดเจนเป็นหนังแนวเขย่าขวัญที่นำเสนอจากเรื่องจริงที่มีพิธีกรรมในการไล่ปีศาจออกจากร่างที่สิงเมื่อในอดีต เกือบ 100 ปี ก่อนของสหรัฐอเมริกา เนื้อเรื่อง รวมถึงทีเซอร์ที่ปล่อยออกมาเหมือนหนังดูน่ากลัวนะ แต่กลับแทบไม่มีอะไรเลย สามารถดูไปหลับไปได้เลย ส่วนนักแสดงนำเล่นได้ดีและเด่น 2 คน คือ บาทหลวงที่ทำพิธีขับไล่ปีศาจที่ส่งพลังถึงความแน่วแน่ ศรัทธาในการปฏิบัติได้ดี และอีกคนเป็นนักแสดงที่ถูกสิงแสดงออกมาได้ดูบ้า ดูอาฆาต เห็นแล้วเชื่อว่าเธอกำลังถูกปีศาจสิงจริง ๆ  แต่น่าเสียดายบททำออกมาไม่ถึงแถมดูเอื่อย ทำให้ดูแล้วไม่ตื่นเต้นชวนง่วงด้วยซ้ำ ทว่ายังมีดูลุ้นตื่นเต้นหน่อยก็ฉากทำพิธีกรรมของแต่ละวัน พอถึงเวลาก็กลับกลายเป็นไม่ได้น่ากลัวเท่าไหร่เลย นั่นเป็นข้อเสียที่เห็นชัดว่าเดินเรื่องแทบไม่มีอะไรเลย แถมไม่มีใครกรี๊ด แต่เงียบทั้งโรง  ติดให้ ครึ่งดาว

“kraken – คราเคน เลื้อยสยอง 20000 โยชน์” โดย Movie Copyright (Thailand) ภาพยนตร์แอ็กชัน-ระทึกขวัญฟอร์มยักษ์เปิดตัวอันดับ 1 ในรัสเซียโดยผู้กำกับฯ นิโคไล เลเบเดฟ  บทภาพยนตร์เขียนโดย อเล็กเซย์ ซิโดรอฟ

เห็นโปสเตอร์ข่าวจากพี่สมปอง พีอาร์ส่งมาก็อยากดูและคาดหวังว่าจะสนุก และมันก็เป็นหนังเน้นอสูรกายยักษ์ที่ดูแล้วมันสนุกมาก โดยหนังสัญชาติรัสเซีย ที่เขียนบทไม่ซับซ้อนอย่างโปสเตอร์ก็บอกว่าขายสัตว์ประหลาดคราเคน ตัวใหญ่ที่ตื่นขึ้นมาใต้ท้องทะเลออกอาละวาดจากฝีมือมนุษย์ก่อเรื่อง นั่งดูก็ลุ้นแถมมีความกดดันปนตื่นเต้นด้วย ยอมรับว่าฉากแอ็กชันไม่ขี้เหล่ทำออกมาสนุกตื่นเต้นเร้าอารมณ์ดีแท้ ได้ลุ้นระทึกกับการหาทางรอดของมนุษย์จากคราเคน ดูไปเอาใจช่วยว่าจะรอดไหม ๆ เพราะหนีอสูรกายคราเคนด้วยเรือดำน้ำจึงดูกดดันกับการต่อสู้ครั้งนี้มาก ๆ ลุ้นอีกว่าจะฆ่ามันยังไง ไม่บ่อยดูหนังตื่นเต้นแบบนี้ เพราะกลัวดูไม่ไหว (พวกใจบางน่ะ) อีกทั้งเสียงซาวด์กระตุ้นให้ตื่นเต้นทุกขณะเมื่อเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างคนกับอสูรกายยักษ์  จะไม่เฉลยว่าจบยังไงต้องไปตื่นเต้นและลุ้นกันเอง ทว่าฉาก CG สร้างคราเคนออกมาดีและเนียนตา ได้เห็นตัวเอกของเรื่องอย่างคราเคนดูยิ่งใหญ่ น่ากลัว ทั้งน่าสะพรึงกลัว สมฉายาอสูรกายในตำนาน  ยิ่งเจอเสียงดนตรีใส่ถูกจังหวะพาให้เพิ่มความระทึกขวัญทุกขณะเวลาเจ้าคราเคนโผล่มา หนำซ้ำได้เห็นภาพท้องทะเลลึกก็ดูสมจริง รวมถึงเรือดำน้ำก็เนียนดี ต้องยอมรับว่าค่ายนี้สรรหาหนังแม้นอกกระแสแต่ก็นั่งดูจนจบได้ความสนุก ระทึกใจกลับบ้าน ติดให้ ****

สำหรับ “โอชิโนโกะ -บทสุดท้าย- เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ: บทสุดท้าย” จากอะนิเมะดังถูกนำมาขึ้นจอยักษ์ ที่นำแสดงโดย อาชูริน (ไซโต้ อาสึกะ) รับบท โฮชิโนะ ไอ, ฮาระ นาโนกะ รับบท คานะ, คายาชิมะ มิซุกิ รับบท อาคาเนะ และได้คู่แซ่บ Ano รับบท Mem-Cho, ซากุราอิ ไคโตะ & ไซโต้ นางิสะ รับบทคู่พี่น้องโฮชิโนะ อควา & รูบี้, อินางากิ คุรุมิ รับบท ซารินะ

ถือเป็นหนังญี่ปุ่นเรื่องแรกในปีนี้ที่ได้ดู สำหรับ “โอชิโนโกะ -บทสุดท้าย- เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ: บทสุดท้าย” ถ้าไม่รู้เรื่องมาก่อนก็ถือว่าเรื่องดำเนินอย่างไม่เอื่อย ได้เห็นถึงความตั้งอกตั้งใจในวิชาชีพหมอที่นอกจากรักษาเด็กน้อยแล้วยังให้ความรักเสมือนญาติ เพราะพ่อแม่ของเด็กน้อยไม่เคยมาเยี่ยมเลยครึ่งปี จึงมีหมอเป็นเพื่อนพูดคุยและยอมเป็นติ่งของไอดอลไอ แต่หนังฉีกแนวเมื่อพวกเขาตายดันไปเกิดเป็นลูกแฝดของไอดอลที่มีเหตุน่าเศร้าเพราะถูกฆ่าตาย แถมต่อหน้าลูกชายด้วย ยอมรับว่าเด็กชายถ่ายทอดอารมณ์ฉากที่แม่ตายต่อหน้าได้ดีดูแล้วสะเทือนใจ ตอนแรกนึกว่าเป็นหนังตลก ทว่ามีสืบคดีการฆาตกรรมนักร้องไอดอล ก็ร้อยเรียงเรื่องราวดี กระชับเข้าใจแม้ไม่ได้ดูอะนิเมะดังมาก่อน ที่โดดเด่นคงเป็นบรรดานักแสดงที่คัดมาหล่อสไตล์ญี่ปุ่นแท้และน่ารัก ส่วนตัวชอบที่เล่นเป็นไอดอลไอ ช่างหาหน้าน่ารักละม้ายคล้ายอะนิเมะ แถมถ่ายทอดอารมณ์ขณะเป็นไอดอลหรือเป็นแม่ได้ฉีกบทดีอีก ทว่านักแสดงตัวอื่นก็เล่นดีนะ แต่ฉากที่น้ำตาซึมคงเป็นฉากที่ไอไม่โกหกการบอก ‘รักลูก ๆ’  แม้ “คำโกหก 15 ปี” แต่ความรักที่ไอมีต่อลูก ๆ นั้นไม่เคยโกหก ถ่ายทอดออกมาได้กินใจและมีพลังมาก ติดให้ ****

Related posts