กินเที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม’สุทน รุ่งธัญรัตน์ : พาไปรู้จักวิถีชีวิตชุมชนตลาดริมน้ำหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ

               กินเที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม’สุทน รุ่งธัญรัตน์ วันนี้ขออาสาพาเที่ยวที่ตลาดหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ

               เขตลาดกระบัง ถือว่าก็อยู่ชานเมืองของกรุงเทพฯ นี่ล่ะ จะว่าไกลก็ไกลถ้าข้ามเขตมาจากนนทบุรีอย่างที่ผมมา แต่อาจจะใกล้สำหรับคนที่อยู่เขตใกล้กับลาดกระบังก็ดีทีเดียวครับ

               สำหรับประวัติความเป็นมาของ “ตลาดหัวตะเข้” นี้ก็น่าสนใจจากการเป็นห้องแถวไม้เก่าหลายสิบห้องแถวเรียงรายขนานไปกับคลองประเวศบุรีรมย์ ซึ่งยังดูคลาสสิก มีชีวิตชีวามาถึงวันนี้ในรูปแบบเรือนไม้ของชาวจีนโพ้นทะเลที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีเรื่องราวบอกไว้ว่าชาวจีนที่นี่อพยพเข้ามาเมื่อครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ครั้งนั้นพระองค์ท่านโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองจากพระโขนงเพื่อไปเชื่อมเมืองแปดริ้วหรือเมืองฉะเชิงเทราออกสายน้ำบางปะกง เรียกคลองที่ขุดต่อออกไปว่า “คลองประเวศบุรีรมย์” และให้ขุดคลองแยกจากคลองประเวศบุรีรมย์อีก 4 คลอง คือ คลองหนึ่ง คลองสอง คลองสามและคลองสี่ มีความยาวทั้งหมด 46 กิโลเมตร

               ตลาดหัวตะเข้ริมคลองประเวศบุรีรมย์นี้มีห้องแถวไม้หลายห้องที่ปัจจุบันบางห้องแถวก็เป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายและสอนวาดภาพขายงานศิลปะ ซึ่งสมัยเก่าๆวิถีชีวิตชาวตลาดหัวตะเข้ก็มีการค้าขายทางเรือและชาวบ้านย่านนี้ก็พายเรือ แจวเรือ มาซื้อของใช้ด้านการเกษตรหรือแบบประมงน้ำจืดคึกคักด้วยผู้คนมากมาย เรียกว่าเจริญมาก ซึ่งคลองประเวศบุรีรมย์นี้เป็นลำคลองสายหลักที่ใหญ่ที่สุดและยาวที่สุดของเขตลาดกระบังด้วยครับ นอกจากจะเป็นคลองสายที่ยาวที่สุดในเขตลาดกระบังแล้วสมัยก่อนยังมีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำในคลองนี้มากมายทำให้ชาวบ้านได้จับปลาที่ดำผุดดำว่ายได้กินได้ขายมากมาย และยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกผักบุ้งส่งขายแหล่งใหญ่เลยทีเดียวล่ะ

               สำหรับคำว่า “ลาดกระบัง” น่าจะมาจากชื่อเรียกเครื่องมือจับสัตว์น้ำที่มีลักษณะเหมือนร่างแหรูปกรวยแหลมที่เรียกว่า “กระบัง “ เพราะในบริเวณนี้มีคู่ครองอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำหลากชนิดในสมัยก่อนชาวบ้านจึงนิยมใช้กระบังกั้นทางน้ำไหลบังคับให้ปลายเข้าไปติดในร่างแหนั้น จนเป็นที่มาของชื่อลาดกระบังหรือไม่ก็สันนิษฐานว่าแต่เดิมบริเวณนี้เป็นเขตรกทึบมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ทั้งช้างทั้งเสือก็ใช้เส้นทางนี้ผ่านไปมาจนทำให้พื้นดินพังทลายชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนี้ว่าราษพังก่อนที่จะเพี้ยนมาเป็นลาดกระบังนั่นเอง

               สำหรับชื่อเรียก “ตลาดหัวตะเข้” ก็มีเรื่องเล่าขานกันว่าหน่วยงานภาครัฐได้ขุดคลองเพื่อให้เป็นเส้นทางน้ำชาวบ้านสัญจรไปมาได้สะดวกสบายปรากฏว่าขุดเจาะลงไปเจอหัวจระเข้และส่วนหางจระเข้เท่านั้นด้วยเหตุนี้จึงได้นำไปไว้ในศาลเจ้าปึงเถ้ากงริมน้ำ นี่แหละเป็นที่มาของคำว่า “หัวตะเข้หรือตลาดหัวตะเข้” เป็นคำพูดของคนสมัยก่อนโน้น แต่ถ้าเป็นภาษาทางราชการจะเรียกว่าศีรษะจระเข้

               “ตลาดหัวตะเข้” ปัจจุบันยังมีผู้คนไปท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสายทุกเพศทุกวัยและยังคงอนุรักษ์เรือนแถวไม้มุงหลังคาด้วยสังกะสีที่มีประมาณ 100 หลังคาเรือนไว้อย่างดีให้ด้วยเดินเที่ยวชมกันทุกซอกทุกมุมทุกตรอกทุกซอย บางที่ก็มีภาพเขียนฝาผนัง เพ้นท์งานศิลปะสวยๆ ให้แวะเช็คอินถ่ายภาพเป็นสตรีทอาร์ตย่อมๆ เลยทีเดียวครับ ควบคู่ไปกับร้านกาแฟมากมายหลายร้านให้เลือกนั่งชิลล์ๆ จิบกาแฟชมวิถีชีวิตริมคลองประเวศบุรีรมย์ถูกใจคนหนุ่มคนสาวมากๆ ครับ

               ท่านผู้อ่านทุกท่านถ้าหากไปเที่ยว“ตลาดหัวตะเข้” เหมือนได้ไปตลาดริมน้ำแบบโบราณแท้จริง ในบรรยากาศเรือนแถวไม้ เดินชม เดินชิลล์ไปเที่ยวกันได้ครับตลาดหัวตะเข้ บ่งบอกถึงวิถีชีวิตของชาวจีนเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมาสำหรับทุกวันนี้ถึงจะเป็นคนรุ่นใหม่แต่ก็เล่าขานเรื่องราวในอดีตกาลได้นะครับสำหรับตลาดริมน้ำหัวตะเข้พอผมเองได้เดินชมเรือนไม้ห้องแถวเก่า ๆ แล้วบริเวณชานเรือนห้องแถวก็มีร้านอาหารหลายประเภท ร้านกาแฟสดและร้านขนมในท้องถิ่นในเลือกซื้อ เลือกชิมกันได้ครับ ก็เอนจอยอิ่มอร่อยและมีความสุขไปอีกวันครับ สุดประทับใจมากจริงๆ เดินชมห้องแถวต่างๆ ก็จะได้ความรู้ความเป็นมาของบางห้องแถวด้วยครับอย่างห้องแถวห้องหนึ่งที่ตอนนี้เขาปิดปรับปรุง แต่คือโรงระหัดวิดน้ำซึ่งแสดง “ระหัดวิดน้ำ” ให้ดูว่าเป็นสิ่งสำคัญของชาวเกษตรกรสมัยนั้นคือระหัดวิดน้ำทำด้วยไม้ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของชาวจีนในตลาดริมน้ำหัวตะเข้ครับไปชมกันได้

               “กินเที่ยวทั่วไทย เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ถ้าอยากรู้ต้องออกเดินทางไป…กับ…ผมหนุ่ม-สุทน” แล้วฝากติดตามฟังรายการ “กินเที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์” ทางคลื่นข่าว fm 100.5 mhz ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน วัฒนธรรมและอาหารถิ่นของชุมชนได้ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น.  ขอบคุณและสวัสดีครับ

เรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์

แฟนเพจเฟซบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/

#ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น.

 #ติดต่อวิทยากรด้านการท่องเที่ยวได้ที่ได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ค #เที่ยวเพลิน #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #bigmaptravel #เที่ยวใกล้เที่ยวง่ายสไตล์ภาคกลาง

Related posts