“Netflix” นำทีมนักแสดง “The Woman in the Window (ส่องปมมรณะ)” พูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

              Netflix นำทีมผู้กำกับและนักแสดงนำจากภาพยนตร์ The Woman in the Window (ส่องปมมรณะ)” นำโดย โจ ไรท์, เอมี่ อดัมส์, แอนโธนี แม็คคี, ไวแอตต์ รัสเซลล์, จูลีแอนน์ มัวร์ และ เฟร็ด เฮชินเจอร์ ร่วมทักทายแฟนคลับ พร้อมเผยตัวอย่างภาพยนตร์อย่างเป็นทางการครั้งแรกพร้อมกันทั่วโลก

              The Woman in the Window เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวจิตวิทยา ดัดแปลงจากนวนิยายขายดีของ เอ.เจ. ฟินน์ ผลงานของผู้กำกับ โจ ไรท์ เจ้าของผลงานอันเป็นที่รู้จักอย่าง Darkest Hour (ชั่วโมงพลิกโลก) และ Atonement (ตราบาปลิขิตรัก) นำแสดงโดย เอมี่ อดัมส์ นักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ 2 สมัย จาก American Hustle (โกงกระฉ่อนโลก) และ Hillbilly Elegy (บันทึกหลังเขา)  ว่าด้วยเรื่องราวของ แอนนา ฟ็อกซ์ นักจิตวิทยาเด็กซึ่งมีอาการหวาดกลัวที่โล่ง เฝ้าจับตามองครอบครัวหนึ่งที่ดูสมบูรณ์แบบซึ่งอยู่ตรงข้ามอีกฟากถนนผ่านทางหน้าต่างในตึกหินแดงที่เธออาศัยอยู่ในนิวยอร์ก และชีวิตของเธอต้องพลิกผันไปหลังจากบังเอิญไปเห็นเหตุอาชญากรรมรุนแรง เมื่อความลับสุดช็อกเปิดเผย และผู้คนหรือสิ่งต่าง ๆ ที่พบเห็นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด

              เมื่อถามถึงเหตุผลในการหยิบนวนิยายขึ้นแท่นมาโลดแล่นบนจอ โจ ไรท์ เผยว่า “ผมสนใจไอเดียที่ทุก ๆ อย่างของเรื่องเกิดขึ้นในบ้านเพียงหลังเดียวมาก ความมินิมัลของมันเป็นสิ่งที่ท้าทาย และการเล่าเรื่องของมันมีคุณสมบัติที่จะถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ได้ ความท้าทายในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้คือการทำให้สถานที่ถ่ายทำหลักแห่งเดียวนี้มีความน่าสนใจและผู้ชมจะไม่เห็นฉากในมุมมองเดิมมากจนเกินไป ผมพยายามสร้างให้ดูมีชีวิตชีวา เราจึงตัดสินใจที่จะสร้างบ้านในสตูดิโอที่บรูคลิน เป็นบ้านสองชั้นในหลังเดียวกัน และเราสร้างชั้นสามและชั้นใต้ดินถัดจากบ้านหลังนั้นอีกที เราสามารถเอากำแพงและพื้นออกได้ด้วย พวกเราใช้เวลาถ่ายทำอยู่ในบ้านหลังนั้นเป็นเวลากว่า 3 เดือนเลยครับ”

              ด้าน เอมี่ อดัมส์ ได้เล่าถึงความประทับใจเบื้องหลังการถ่ายทำว่า “ฉันรู้สึกประทับใจกับวิสัยทัศน์ของโจ และวิธีการที่เขาเล่าเรื่อง ไม่เพียงแต่ทางด้านจิตใจแต่เป็นด้านอารมณ์ด้วย รวมถึงการรับมือกับอาการบอบช้ำทางจิตใจ ฉันรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ การได้เห็นการแสดงที่น่าทึ่งของนักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่พิเศษมาก ๆ ค่ะ  และฉันเป็นแฟนตัวยงของหนังระทึกขวัญแนวจิตวิทยาเลยค่ะ ฉันชอบดู เพราะจะเอามาใช้ในการทำงานของตัวเองได้ด้วย แต่ฉันไม่ค่อยดูหนังที่ตัวเองเล่นนะคะ”

              และอีกหนึ่งนักแสดงมือรางวัลอย่าง จูลีแอนน์ มัวร์ พูดถึงการร่วมงานกับเอมี่ ว่า “เรื่องนี้เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของเรา เธอสามารถแบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ ความจริง และความเครียดเอมี่เป็นนักแสดงที่สุดยอดมากค่ะ”

              สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำไว้ตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ระบาดของโควิด-19 เมื่อการถ่ายทำจบสิ้นลง เหล่านักแสดงต่างแยกย้ายและต้องอยู่บ้านตลอดเวลาในช่วงที่เมืองล็อคดาวน์ พวกเขาได้ผลัดกันแชร์เรื่องราวความประทับใจในกองถ่าย รวมถึงช่วงเวลาที่ต้องอยู่กับครอบครัวท่ามกลางสถานการณ์ระบาดนี้

              เฟร็ด เฮชินเจอร์ เล่าว่า “การได้ทำงานกับทุกคนในภาพยนตร์เรื่องนี้เปลี่ยนแปลงชีวิตผมเลยครับ หลังจากเสร็จสิ้นการถ่ายทำ ผมคิดถึงทุก ๆ คนมาก คิดถึงบรรยากาศกองถ่ายด้วย ผมสนุกกับมันมาก และได้เรียนรู้เยอะมากครับ”

              เมื่อถามถึงสิ่งที่ผู้ชมจะได้รับจากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ โจ ไรท์ ตอบว่า “สำหรับผมคือ ธรรมชาติของความกลัวและเราสร้างความกลัวให้ตัวเองได้อย่างไร รวมถึงวิธีการที่จะหลุดพ้นและปลดปล่อยตัวเองจากความกลัวในตอนท้ายของเรื่อง ผมหวังว่าผู้ชมจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นครับ”

              แอนโธนี แม็คคี และ เฟร็ด เฮชินเจอร์ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะคล้ายคลึงกับสถานการณ์โลกที่ทุกคนต่างต้องล็อคดาวน์อยู่ในบ้านของตัวเอง ผู้ชมส่วนใหญ่น่าจะเชื่อมโยงกับเรื่องราวและความรู้สึกของตัวละครได้

              “ฉันชอบและตื่นเต้นมากเวลาที่จะได้เห็นนิยายเล่มที่ฉันรักถูกสร้างออกมาในรูปแบบภาพยนตร์ ทั้งผู้กำกับโจ เอมี่และนักแสดงทุกคนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาพิเศษมาก ฉันหวังว่าผู้ชมจะสัมผัสถึงจินตนาการของพวกเราค่ะ” จูลีแอนน์ มัวร์ กล่าวทิ้งท้าย

              คุณพร้อมจะร่วมเผชิญความกลัวและเผยความจริงไปกับเราหรือยัง? 14 พฤษภาคมนี้ ทาง Netflix เท่านั้น!

Related posts