สถาบันเครือข่ายไทยสร้างสรรค์(สคทส.)Thai Sangsan Institute “สรรค์สร้างไทย อนาคตไทย”ความเห็นต่างในยุคโควิดภิวัฒน์ ชีวิตที่ต้องเป็นแบบ Next Normal

สถาบันเครือข่ายไทยสร้างสรรค์(สคทส.)Thai Sangsan Institute มองปัญหาสังคมไทยในช่วงโควิดภิวัฒน์ ว่า”บนความคิดเห็นที่เห็นต่าง หรือความคิดที่แตกต่าง ต้องยอมรับและสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข ถ้าเรายึดพื้นฐานเคารพความคิดเห็นของกันและกันหรือแต่ละฝ่ายได้โดยไม่แตกแยกสังคมก็อยู่กันได้   นักวิชาการด้านการศึกษามองปัญหาของโลกวันนี้มันเปลี่ยนแปลงมาพร้อมกับเทคโนโลยี่  ความคิดของคนรุ่นใหม่ จึงแตกต่างจากคนรุ่นเก่า  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้กับสถานการณ์โควิดระบาดทั้งโลก จึงไม่ใช่จะดำเนินชีวิตแบบ New Normal แล้วแต่ต้องวางแผนแบบ Next Normal

                 นายสมชาย  พหุลรัตน์ ประธานสถาบันเครือข่ายไทยสร้างสรรค์ (สคทส.) Thai Sangsan Institute  ได้เผยถึงการระดมความคิดเห็นของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของสถาบันฯทางด้านการศึกษาอย่าง ศ.ดร.มณีรัตน์ สวัสดิวัต ณ อยุธยา (ราชบัณฑิตยสถาน-เจ้าของรางวัลการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากสหประชาชาติ) ศ.ดร.สุรพล  บุญประถัมภ์ (นักวิชาด้านวัฒนธรรม-ศาสนา) อาจารย์นิดาวรรณ  เพราะสุนทร เลขาธิการสถาบันฯ(ผอ.หลักสูตรนิติศาสตร์ ม.รังสิต) Prof.อิน นฤหล้า (นักวิชาการนานาชาติ-อดีตคณะบดีบริหารธุรกิจม.เอแบค), Prof.ปีแอร์ เดอลาลองด์, Prof.สก็อต บัดเล่ยด์ (โปรแกรมหลักสูตรLeadership)อ.สุพัฒก์ ชุมช่วย(นักวิชาการอิสระหลักสูตรGTO) และ พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช “สารวัตรแรมโบ้” ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติด(ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านกฎหมาย-ยุติธรรมสถาบันฯ)พร้อมนักวิชาการด้านสาธารณสุขและสังคม อ.เภสัชกรอธิวัฒน์  สินรัชตานันท์ ผู้เชี่ยวชาญศาสาตร์แห่งแพทย์ทางเลือกและผู้ทรงคุณวุฒิด้านสมุนไพรและ นายชนแดน พรหมเมศร์ นักธุรกิจด้านสุมนไพร ได้มองปัญหาของประเทศไทยในคณะนี้ที่เราสามารถจัดการปัญหาโรคระบาดไวรัสโควิด 19 ได้เป็นอย่างดีและได้รับคำชมเชย  ซึ่งเป็นเพราะคนไทยเรามีวินัย และเชื่อฟังในข้อมูลข่าวสารของทางการ ถึงแม้จะมีบ้างที่ละเลยในการไม่เซฟตัวเองในการใส่แมส แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะใส่กันแทบทั้งนั้น  แต่ปัญหาอีกเรื่องที่ตามมาในปัจจุบันและปัญหาที่มากับยุคเทคโนโลยี่ แต่เราคิดว่านี้คือปัญหาในช่วงโควิดภิวัตน์ คือการแสดงความคิดเห็นที่เห็นต่างของผู้คนในสังคม(บางส่วน) หรือจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะที่เราได้ยินได้ฟังคือคนรุ่นใหม่ มีความเห็นที่ต่างหรือแตกต่างจากคนรุ่นใหม่ในทำนองนั้น

                  “คณะกรรมการยุทธศาสตร์ทั้งหมดของสถาบันฯมองว่านี้คือ  ความเปลี่ยนแปลงของโลกที่คนรุ่นใหม่เขาก็จะมีความคิดของเขาอาจจะก้าวหน้า หรือจะเรียกว่าก้าวล้ำ แตกต่างจากคนรุ่นเก่าๆ (ขอเรียกว่าผู้อาวุโสหรือผู้เชี่ยวชาญชีวิต ที่มีประสบการณ์มาก่อนก็ได้) ซึ่งบางเรื่องความเห็นจึงเป็นคนละมุมมอง  แต่ผู้ใหญ่เราก็ต้องปรับตัวและฟังคนรุ่นใหม่ให้มาก ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพราะเราต้องคิดอยู่เสมอว่า ความคิดเห็นต่าง หรือเห็นแตกต่างกันสามารถอยู่รวมกันได้ บนพื้นฐานความเห็นต่างที่เคารพในความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้คนรุ่นก่อนหรือรุ่นใหม่ก็สามารถจะเดินคู่ขนานกันไปได้ แต่ถ้าเราเป็นแบ่งว่าคนรุ่นใหม่ คิดอย่าง คนรุ่นเก่าคิดอย่าง  มันก็ดูถ้าไม่ได้เสียหายอะไร แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับส่วนรวมประเทศชาติเราก็ยอมรับในความคิดเห็นของกันและกัน แต่ต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง”

                      นายสมชายฯ ประธานสถาบันฯ กล่าวตอนท้ายว่า”เราอยู่กับโควิดภิวัตน์ เราก็ต้องปรับตัวเองไปทุกอย่างแม้กรทั่งความคิดเห็นก็ต้องปรับตาม เราจะอยู่แบบที่เรียกว่า New Normal ไม่ได้แล้วแต่เราจะต้องวางแผนชีวิตในแบบ Next Normal โลกทั่งโลกเปลี่ยนแปลงเพราะไวรัสตัวนี้เรายังไปมาหาสู่กับชาวโลกแบบปกติเหมื่อนเดิมยังไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนออกมาใช้ เพราะฉะนั้นชีวิตจากนี้ไปคือชีวิตแบบเน็คนอร์มอล เราต้องปรับตัวเองทุกอย่าง ตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน ร่วมไปถึงความคิดเห็นในบางเรื่องก็คงจะเป็นแบบ Next Normal ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนั้นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของสถาบันฯจะนำมาถ่ายทอดต่อในรายการตรงประเด็นและทางโซเชี่ยลมิเดีย-ยูทูปส์และเครือข่ายวิทยุของสถาบันฯที่เรามีอยู่ทั้งหมด.

Related posts