คอลัมน์ เรื่องเล่าออนไลน์
โดย เชน พระราม
การจับมือกัน ทำ MOA สร้างพันธมิตรชั่วคราวทางการเมือง ระหว่าง พรรคภูมิใจไทย “สีน้ำเงิน” และ พรรคประชาชน “สีส้ม” สรุปได้ อนุทิน ชาญวีรกูล มาเป็น นายกฯ คนที่ 32 ภายใต้ความพิศวง งงงวย เงื่อนไขต่อรองมากมาย กับรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาฯ ที่ไม่น่าจะไปรอด
ขีดเส้นใต้ย้ำไว้ชัดเจนว่า12 ธันวาคม เปิดสมัยประชุมสภาฯ ส่งสัญญาณมาแต่เนิ่น คือ “วันยุบสภา”
หลังจากซัดกันนัวมั่วในสภาฯ สัจจะทางการเมือง ยังเหมือนเดิม “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร”
สีน้ำเงินปะทะสีส้ม โชว์ฝีปากกล้า แถไปก็ถากมา เพื่อนแท้ในสภาฯ กลายเป็นเพื่อนแท้งตามคาด
ใครผิดใครถูกก็ไม่รู้ เมื่อสัญญาใจ MOA ถูกฉีกกลางสภาฯ ลือกันให้แซด เลือกตั้งครั้งต่อไป “แพ้ไม่ได้” ก่อนและหลังเลือกตั้ง ต้องได้เปรียบ เมื่อปฏิบัติการลุล่วง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงอาจไม่เคยมีอยู่จริง
ประวัติศาสตร์การเมืองไทย นายกฯทุกสมัย ไม่เคยแพ้โหวต“นายกฯหนู” ไม่อยากเขียนบันทึกหน้าใหม่ เมื่อทั้งสร้าง/ทั้งชิงความได้เปรียบมาจนท่วม รีบเอ่ยวาทะ “ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ” จึงไม่ใช่เซอร์ไพร้ส์
คงปฎิเสธ ไม่ได้ว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า 2569 เป็นการแข่งขันระหว่าง 3 พรรค คือพรรคเคยใหญ่ “สีแดง” พรรคก้าวขึ้นมาใหญ่ “สีน้ำเงิน” และ พรรคอยากใหญ่ “สีส้ม”
เมื่อเข้าสู่ฤดูผลัดใบ แชมป์เก่า พรรคเพื่อใคร เอ๊ย “พรรคเพื่อไทย” หลังล้มเหลว ดันคนรุ่นลูก “เจอพิษอังเคิ้ลฮุน” ม้วนเสื่อเสียฟอร์ม มั่นใจพลิกโฉม “โว…ถ่ายเลือดชินวัตร” กลับเป็นส่งคนรุ่นใหม่แต่เก่า เข้าทำศึกสงครามการเมืองครั้งหน้า
“ช้าแต่ชัวร์” เพื่อไทยเวอร์ชั่น 2026 ส่งชื่อ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคคนใหม่ ควบเป็นตัวเลือก ว่าที่นายกฯ ตามมาด้วย ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ “หลานเลิฟแม้ว” หมาดๆ คนที่สาม มาช้าแต่มาตามนัด สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แคนดิเดตที่ว่า มีสัญญาใจกับใครบางคน (ฮา) โธ่…อุตส่าห์อุบไต๋มาตั้งนาน ยังเข้าตำราโบราณ “ขว้างงูไม่พ้นคอ” เหมือนเดิม
จะไปได้กี่น้ำ คอการเมือง บอกครั้งนี้ ลุ้นยาก ส่อแววจากพรรคใหญ่ อาจลดสถานะเป็นแค่พรรคขนาดกลาง โดนถีบไปลากมา เหมือนที่เคยทำกับเขาบ้าง
คะแนนจะตีโต้คืนได้จากตรงไหน ตอนนี้พรรคสีแดง ได้แต่หวังพึ่งการอภิปรายซักฟอกถล่ม นายกฯคนปัจจุบัน ซึ่งหมดโอกาสตรงนี้ไปแล้ว จะมีทีเด็ดทีขาด คงไม่แคล้ว กลับมาใช้ “กลยุทธ์ไล่หนู ตีงูเห่า” กันเพลินแน่
น่าจับตา ไฮไลท์ไปที่ พรรคภูมิใจไทย จากไซด์ขนาดกลาง ก้าวขึ้นมาใหญ่ ขยับมาเป็น “โคตรใหญ่”
ใช้สูตรโบราณ โชว์พลังซูเปอร์ดูด…ดู๊ด…ดูด… นี่ถ้าเป็นการเมืองไทยสมัยเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ส่องกล้องมองตัวผู้สมัคร ก็ต้องบอกว่า “ไร้ราคาต่อรอง…นอนมา”
แบเบอร์ขนาดไหน “ลูกท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา แห่งค่ายใหญ่ ณ ทุ่งสุพรรณบุรี ยังยอมเก็บเสื้อผ้าหนีค่าย (ชั่วคราว) มา “ซบปีก…เซาะกราว”
ได้เปรียบสุดๆ คือ “อนุทิน” ได้ทดลองงาน “รัฐมนตรีคนที่ 1” ตั้ง 96 วัน อาศัยภายใต้ขอบเขตอำนาจ“มท.1” ขุดรากถอนโคน “โชว์กึ๋น” โยกย้ายข้าราชการมหาดไทยตามฤดูกาล ให้พรรคอื่นๆ ต้องอิจฉา
แง้มโพยส่งตัวเอง เป็นนายกฯอีกรอบ พ่วง ศุภจี สุธรรมพันธ์ และ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส เป็นตัวเลือกถัดมา สร้างความฮือฮา บวกกระแส “คนละครึ่ง” นโยบายถูกใจรากหญ้า โกยคะแนนอื้อซ่า จนพรรคอื่นต้องทำตาปริบๆ
แต่อย่างว่า ท่านนายกฯ คนกำลังเข้าปีชง อะไรที่ “นอนมา” ดันโดนขุดภาพ “เบนคนดัง” แก้ต่างเป็นแค่คนเคยรู้จัก (แต่ไม่สนิท) ฉุดเรตติ้งให้สะดุด ส่วนตัวเองและตัวเลือกลำดับสุดท้าย ติดโพย “ภาพถ่ายเน่าเก่าๆ” ให้ต้องขบคิด ว่านี่คือจุดแข็งหรือจุดสลบ “นอนมา” อาจ “มานอน” ร้อนๆ หนาวๆ
ไอ้เจ้า สูตรดูดโบราณ จากสถิติที่ผ่านมา พรรคไหนคว้าแชมป์ดูด จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ ณ เวลานี้ โพลล์ทุกสำนัก เปรย นายกฯหนู ยังฝ่าแรงต้าน ไปไม่ถึงไหน รุงรังข่าวพังลบๆ ออกมากระทบให้ต้องปวดใจต่อเนื่อง คะแนนเสียงเสียไปกับน้ำท่วมหาดใหญ่ ต้องเร่งเกมกันพัลวัน แม้จะกู้คืนมาได้บ้าง ถูกใจคนไทยค่อนประเทศ เมื่อสนับสนุนภาคกองทัพไทย ถล่มเขมรตูมตามรายวัน
โยกมาที่ พรรคประชาชน อดีตแชมป์ Exit Poll เคยหักปากกาเซียน โกยที่นั่ง ส.ส. แบบถล่มทลาย คราวที่แล้ว
หลังทำ MOA ทำเอากองเชียร์สีส้ม มึนตึ๊บไปพักใหญ่ พอหายงง เริ่มออกสตาร์ทแบบเงียบเหงา เร่ง “เก็บ” และ “กวาด” นักการเมือง “ยังเติร์ก” กันขนานใหญ่ หลังจากที่คุณภาพ ส.ส. คราวที่แล้ว ออกอาการเป๋บ้างเล็กน้อย งานนี้ต้องคัดสรรกลั่นกรอง ก่อนส่งเกรดเอ ลงชิงชัยสนามการเมือง
ข่าวลึกวงใน สั้นๆ แต่ได้ใจความ เก็บและขยับของเดิม ล้างนักการเมือง “ไร้คุณภาพ/มีตำนิ” ให้พ้นเวที จึงไม่แปลกใจ ถ้าเห็นรายชื่อผู้สมัครฯ ที่เคยเป็น ส.ส. ถูกเปลี่ยนบานตะไท
สำหรับ “บิ๊กเซอร์ไพร้ซ์” ถูกใจ “ชาวจักรวาลด้อมส้ม” เป็นยิ่งนักด้วยการงัดรายชื่อ 3 แคนดิเดต “หัวหน้าเท้ง” “ไหม ศิริกัญญา” “อาจารย์ต้น วีระยุทธ” เข้าชิงเก้าอี้ตัวสำคัญ
แต่ยังมีปัญหาคาใจ หลังจากภาคแรก ยุคพรรคก้าวไกล โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ไป 8 ราย
เมื่อลองเหลียวไปดู 44 รายชื่อ ที่พัวพัน คดี ม.112 ภาค 2 ข่าวกระเซ็นออกมาเป็นระยะๆ ภาคสุดท้ายไม่ท้ายสุด จะโดนดองกันทั้งพ่วง ประมาณว่าถึงขั้น“ล้างพรรครอบ 3”
คงไม่ต้องรอลุ้นให้เหนื่อยอีกต่อไป ก่อนสิ้นปี น่าจะมีคำวินิจฉัยของ “ป.ป.ช.” ให้ได้รู้ดำรู้แดงเสียที
แว่วว่า การพิจารณาคดีจริยธรรมครั้งนี้ “ป.ป.ช.” ไม่ได้ “เหมาเข่ง” เน้นให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แยกการพิจารณาเป็นรายบุคคล หนักเบาขึ้นกับลักษณะของพฤติกรรมการกระทำ
โดยเฉพาะกลุ่มเสนอร่างกฎหมาย มีความเป็นไปได้ อาจโดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีพ ส่วนกลุ่มร่วมลงรายชื่อและอื่นๆ อาจมีคำวินิจฉัยไม่รุนแรงเท่า จะหนักเบา แค่ไหน ตรงนี้บอกไม่ได้
ลึกๆ มีการคาดเดาว่า 44 รายชื่อ อาจโดนลบรายชื่อออก “ยี่สิบบวกลบ”
แต่การผุดโควต้าว่าที่“สร.1” ออกมา มีทั้ง“เท้ง+ไหม” 2 ใน 44 รายชื่อ โชว์ความมั่นใจ เอาชื่อค้ำการันตีว่ายังอยู่ ดูว่าการเลือกตั้งสมัยหน้า ชาวสีส้ม“ได้ลุ้นสนุกแน่”
ภูมิใจไทย ใช้ยุทธศาสตร์ดูด แล้วโมเดลการเมืองของ สีส้ม คืออะไร
พลังหนุ่ม/สาว อายุ 18-35 ปี เป็นธงคำตอบ บวกคนเบื่อนักการเมืองหน้าแก่หน้าเก่าแบบเดิม
250 เก้าอี้บวกๆ เรื่องยากหรือเปล่า ปี 2548 ยุค“ทักษิณ เทอม 2” เคยทำสำเร็จ จนแดงเถือกเบ็ดเสร็จทั้งกระดาน มาแล้ว “เกินกึ่ง” จึงเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้น
งานนี้“แพ้ไม่ได้” เจอกับ “ตั้งใจมาสู้” ดู๋ดี๋สุดประมาณ
สีน้ำเงิน “ดูดเพื่อแลนด์สไลด์” กำลังเร่งเครื่องหวังทำคะแนนตีจาก อีกฟาก สีส้ม “ขอไปต่อด้วยกัน” ประกาศขยันทำงานการเมืองให้หนักขึ้น ลุยโกยคะแนนผ่านโซเชียล
ถ้าไม่ติดโรคเลื่อน “เขมรทำพิษ” เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ได้เดินเข้าคูหา กากากบาทกระดาษ 2 ใบ แน่นอน
จากนั้นรอดูการจัดตั้งรัฐบาล แบบเดี่ยวเดี่ยว หรือเข้าวังวนการเมืองแบบ “ผสมพันธุ์” แต่ที่แน่นอน คราวนี้มีพรรคส่อแววว่า “ใกล้สูญพันธุ์”
