Prime Video ปล่อยสตรีมซีรีส์ที่ดัดแปลงจากเกมที่ดีที่สุด “Fallout”

               “Fallout (ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู” เป็นซีรีส์ดัดแปลงจากหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล จากโจนาธาน โนแลน และลิซ่า จอย ผู้สร้างซีรีส์ Westworld ที่จะพาออกจากหลุมหลบภัยไปทัวร์ Wastedland ดินแดนโลกอนาคตที่ทุกอย่างตรงข้ามกับคำว่า“น่าอยู่” สตรีม 8 ตอนรวด พร้อมพากย์ไทย ที่ Prime Video เท่านั้น

               ซึ่งซีรีส์ Fallout  โชว์รันเนอร์ และผู้สร้าง Geneva Robertson-Dworet, Graham Wagner, ผู้สร้าง: Jonathan Nolan, Lisa Joy, Athena Wickham, Todd Howard, James Altman  ที่นำแสดงโดย Ella Purnell, Walton Goggins, Aaron Moten, Moisés Arias, Kyle MacLachlan, Sarita Choudhury, Michael Emerson, Leslie Uggams, Frances Turner, Dave Register, Zach Cherry, Johnny Pemberton, Rodrigo Luzzi, Annabel O’Hagan, Xelia Mendes-Jones  ผลิตโดย  Amazon MGM Studios and Kilter Films produce in association with Bethesda Game Studios and Bethesda Softworks 

Ella Purnell (Lucy) in “Fallout”
(L-R) Ella Purnell (Lucy) and Kyle MacLachlan (Overseer Hank) in “Fallout”

              เรื่องราวกล่าวถึงตัวละครหลักทั้ง 3 คนที่ต้องฝ่าฟันท่ามกลางความซับซ้อนของโลกใหม่ซึ่งได้รับผลกระทบจากรังสีนิวเคลียร์ ได้แก่ “Lucy” (รับบทโดย Ella Purnell จาก Yellowjackets) ผู้อาศัยในหลุมหลบภัย ที่มีพลังความสามารถและค่อนข้างอ่อนต่อโลก ซึ่งพบกับความประหลาดใจเมื่อขึ้นมาบนพื้นผิวโลกเป็นครั้งแรก “Maximus” (รับบทโดย Aaron Moten จาก Emancipation) ทหารใหม่ผู้ปฏิญาณตนว่า จะรับใช้และปฏิบัติภารกิจของกลุ่ม Brotherhood of Steel ให้ลุล่วง จนเมื่อเขาพบการกระทำที่ไม่ถูกต้องของกองทหารและเริ่มตั้งคำถามถึงเป้าหมายของตัวเอง และ “The Ghoul” (รับบทโดย Walton Goggins จาก The Hateful Eight) มนุษย์กลายพันธุ์นอกกฎหมายในรูปลักษณ์น่าสะพรึงกลัว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นชายผู้มีเกียรติ เขาสนใจเพียงแค่ให้ตัวเองมีชีวิตรอด และพร้อมจะสังหารใครก็ตามที่มาขวาง

              นอกเหนือจากสามนักแสดงแล้ว ยังรวมทีมนักแสดงชั้นนำอย่าง Kyle MacLachlan, Sarita Choudary, Michael Emerson และ Moises Arias ส่วน Jonathan Nolan นั้นนอกจากจะรับหน้าที่ผู้กำกับ 3 ตอนแรกของซีรีส์ซีซั่นแรกซึ่งมีทั้งหมด 8 ตอนแล้ว เขายังเป็นผู้นำทีมศิลปินซึ่งมุ่งมั่นในการนำโลกในวิดีโอเกมต้นฉบับที่มีความยิ่งใหญ่และแปลกประหลาดนี้มาถ่ายทอดในซีรีส์ด้วยความเคารพในต้นฉบับอีกด้วย โดยผู้กำกับเพิ่มเติมในซีซั่นนี้ ได้แก่ Daniel Gray Longino, Claire Kilner, Frederick E.O. Toye และ Wayne Yip

Ella Purnell (Lucy) in “Fallout”
Walton Goggins (The Ghoul) in “Fallout”

            จุดเริ่มต้นอันกล้าหาญ: ต้นกำเนิดของ Fallout

นานมาแล้วก่อนที่จะมีใครคิดถึงหรือแม้แต่เห็นความเป็นไปได้ในการดัดแปลงวิดีโอเกมมาเป็นซีรีส์เรื่องนี้ ผู้อำนวยการสร้าง โจนาธาน โนแลน (Jonathan Nolan), เจนีวา โรเบิร์ตสัน-ดวอเร็ต (Geneva Robertson-Dworet) และ แกรม วากเนอร์ (Graham Wagner) ต่างก็รู้สึกหลงใหลในโลกอันเปิดกว้าง และการเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่พวกเขาได้สัมผัสขณะที่เล่นเกม Fallout

               “สำหรับผม มันเริ่มต้นจาก Fallout 3 เลย” โนแลนกล่าวพร้อมพูดติดตลกว่าเกม Fallout 3 ที่ได้รับรางวัลในปี 2008 คือต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้เขียนบทภาพยนตร์เลยเป็นเวลาสองปี “ก่อนหน้านั้นผมแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเกมนี้ แล้วผมก็อยู่ในอารมณ์ที่อยากหาอะไรทำเพลิน ๆ พอดี ผมคิดว่าตอนนั้นคริส (คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับภาพยนตร์และพี่ชาย) มอบหมายให้ผมเขียนบท The Dark Knight Rises ดังนั้นถ้าหนังเรื่องนั้นออกช้าสักหน่อย ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะ Fallout 3 ด้วยนะครับ”

Brotherhood of Steel and Vertibirds in “Fallout”
Power Armor Suits in “Fallout”

               ผู้สร้าง Westworld รู้สึกทึ่งกับขอบเขตอันกว้างใหญ่ของเกม บรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการหักมุมต่าง ๆ ที่สร้างความประหลาดใจในเกม “การทำงานในธุรกิจนี้ทำให้เราได้ดูภาพยนตร์และรายการทีวีมากมาย มันยากที่จะทำให้เราจะแปลกใจกับอะไรได้ แต่เกมนี้ทำให้คุณประหลาดใจอย่างต่อเนื่อง มันมืดมน รุนแรง แต่ก็เสียดสี และในบางทีก็เกือบจะขำ ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในเกมเกมเดียว มันเป็นเกมที่ทะเยอทะยานมาก และผมก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

              ราวสิบปีต่อมา โนแลนได้พบกับ ท็อดด์ ฮาวเวิร์ด (Todd Howard) ผู้พัฒนาเกม Fallout 3 และผู้อำนวยการสร้างจาก Bethesda Game Studios เพื่อพูดคุยเรื่องการนำ Fallout มาดัดแปลงเป็นซีรีส์ “เขาชอบงานของผม ผมชอบงานของเขา มันเป็นการพบกันที่ยอดเยี่ยม” โนแลนเล่า “เราจบการพูดคุยด้วยข้อสรุปว่า ‘โอเค เราจะทำงานนี้ด้วยกันแน่นอนและจะเอาเรื่องนี้ไปคิดต่อ’”

              “ตอนที่ผมคุยกับโจนาห์ครั้งแรก พูดตามตรง เขาดูเหมือนคนที่ผมรู้จักมานาน” ฮาวเวิร์ดเล่า “เห็นได้ชัดว่าเขาเล่นเกมมาเยอะมาก และตั้งแต่เริ่มต้น แนวทางของเขาก็สอดคล้องกับสิ่งที่ผมกำลังคิดเลย”

Walton Goggins (The Ghoul) in “Fallout”
Power Suit and Aaron Moten (Maximus) in “Fallout”

              จากนั้นโนแลนจึงว่าจ้าง เจนีวา โรเบิร์ตสัน-ดวอเร็ต และแกรม วากเนอร์ โชว์รันเนอร์ทั้งสองคนมาเริ่มงาน ทั้งสองคนเห็นตรงกันว่าการดัดแปลงเกมนี้เป็นซีรีส์มีเพียงวิธีเดียว คือต้องบอกเล่าเรื่องราวใหม่ที่เกิดขึ้นในจักรวาล Fallout “เราไม่อยากที่จะนำสิ่งที่ทำมาแล้วอย่างสวยงามในเกมมาเล่าซ้ำใหม่” โนแลนกล่าว “ดังนั้น คำถามจึงมีอยู่ว่า เราจะพาเรื่องราวนี้ไปได้ไกลแค่ไหน โดยมีเจนีวาและแกรมเข้ามารับช่วงต่อ”

              โรเบิร์ตสัน-ดวอเร็ต พยายามจะร่วมงานกับโนแลนและวากเนอร์มานานหลายปีแล้ว และ Fallout ก็เป็นโอกาสยอดเยี่ยมที่พวกเขาจะได้สร้างสรรค์ผลงานร่วมกัน โนแลนและโรเบิร์ตสัน-ดวอเร็ต ซึ่งเป็นผู้เขียนบท Captain Marvel นำความเชี่ยวชาญของตัวเองในด้านไซไฟและการสร้างโลกในภาพยนตร์มาหลอมรวมเข้ากับวากเนอร์ ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้สร้างผลงานในรูปแบบที่เขาเรียกว่า “บูติกคอเมดี” ออกมาหลายชิ้น โดยเป็นมือเขียนบทและผู้อำนวยการสร้าง Portlandia, The Office และ Silicon Valley

Related posts