หนังดีติดดาว***

หนังดีติดดาว***

            “Alice, Darling” นำแสดงโดย แอนนา เคนดริก, คาเนห์ตีโอ ฮอร์น, ชาร์ลี คาร์ริกกำกับโดย แมรี่ นาย กับเรื่องราวของ อลิซ หญิงสาวผู้ติดอยู่ในความสัมพันธ์ที่เธอเป็นฝ่ายถูกข่มเหงโดนแฟนหนุ่ม ตัดสินใจลุกขึ้นสู้ในขณะที่เดินทางออกไปพักร้อนกับเพื่อน แต่ก็ตามมาด้วยการที่เธอต้องเผชิญกับความโกรธแค้นของแฟนหนุ่ม ที่จะเป็นสิ่งที่ทดสอบความแข็งแกร่งและมิตรภาพระหว่างเพื่อนของเธอ

              การเดินเรื่องจะเป็นไปอย่างช้า ๆ และเงียบเหงา เห็นภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่เก็บความเครียดและความกดดันไว้ในใจ แล้วตัดสลับเล่าช่วงเวลาที่เธออยู่กับแฟนหนุ่ม ที่ภายนอกดูเป็นคนสุภาพและเอาใจใส่ หากแต่แท้จริงแล้วเขาเป็น narcissist ที่จะคอยควบคุมแฟนสาวให้ทำตามที่เขาต้องการตลอดเวลา และนี่เองที่เป็นสาเหตุของความไม่ปกติในจิตใจของหญิงสาว บทจะเทไปที่  อลิซแทบทั้งเรื่องจึงเข้าใจและเห็นปัญหาที่เธอต้องเผชิญ แต่หนังจะทิ้งปริศนาไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง แล้วค่อย ๆ เล่าเรื่องราวไปให้เห็นที่มาที่ไป เส้นเรื่องจะเดินไปจนบรรจบกับปริศนาชิ้นนั้นในที่สุด แล้วก็จะเข้าใจทุกอย่าง แต่กว่าจะถึงตรงนั้นก็ต้องทนกับหลายฉากที่เชื่องช้าและไม่จำเป็นอยู่พอสมควร พาให้อึดอัดในช่วงแรก ทว่าพอเรื่องขยับก็ดูไปได้เรื่อย ๆ

 ติดให้ ***

              สำหรับภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์โคตรแอ็กชัน “The Point Men” ล็อคเป้าตาย ค่าไถ่หยุดโลก ที่นำแสดงโดย ฮวังจองมิน, ฮยอนบิน และ คังกียอง ว่าด้วยเรื่องของ 23 คนชาวเกาหลีถูกกลุ่มตาลีบันจับเป็นตัวประกัน พร้อมยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลปล่อยคนตาลีบันออกจากคุก ทว่าเมื่อรัฐบาลปฏิเสธ ทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศพร้อมนักเจรจาของเกาหลี และสายลับเกาหลีต้องร่วมมือกันช่วยเหลือคนของพวกเขาอย่างเอาชีวิตไปเสี่ยงในเวลาจำกัด

              จากเห็นทีเซอร์ก็อยากดู เพราะตัดความมันส์ แอ็กชันของฮยอนบินมาเต็มที่ แต่พอไปดูเนื้อหาจะเน้นไปทางเจรจากับฝ่ายรัฐบาลอัฟกานิสถานอย่างตึงเครียดเพื่อขอให้ปล่อยพวกตาลีบันแลกกับชาวเกาหลี 23 คนที่ถูกจับเป็นตัวประกันตามคำเรียกของกลุ่มกบฏ เข้าใจว่าไม่พากย์ไทยเพราะอยากให้เห็นการเจรจาที่ล่ามเป็นตัวสำคัญในเรื่อง ทั้งล่ามของอัฟกานิสถาน และล่ามชาวเกาหลีที่อยู่ในอัฟกานิสถานมานาน ด้านนักเจรจาที่ฮวังจองมินรับบท เขาแสดงทั้งคำพูด สีหน้า ท่าทางออกมาน่าเชื่อว่าอยู่สถานการณ์กดดันสุดขีด ส่วนฮยอนบินก็มาบู๊บุกเดี่ยวชิงเอาเงินค่าไถ่ตัวประกันคืนจากมิจฉาชีพที่มาหลอก และคังกียองที่เป็นล่ามแปลคำพูดของนักเจรจาให้ผู้นำกลุ่มกบฏเข้าใจก็เหงื่อแตกเพราะลุ้นว่าตัวเองจะรอดกลับไปไหม เนื้อหาเน้นดรามาการช่วยเหลือตัวประกันในเวลาจำกัด หนังแสดงให้เห็นให้ความรักคนในชาติ ความฉลาดยอมกระทำในสิ่งที่ผู้นำตัวเองบางคนไม่ยอมรับมาตีแผ่เป็นหนัง ชอบฉากประจันหน้าเจรจากับผู้นำกลุ่มตาลีบันที่โหดร้ายในขณะฝ่ายรัฐบาลของตนเองก็ยิงถล่ม แต่อึ้งเมื่อต้องเหลือคนนึงไว้ประกันความปลอดภัยให้กลุ่มกบฏ เชื่อว่าดูจบทุกคนคงคิด พระเอกรอดมาได้ไง? (หรือพระเอกเก่งฆ่ากบฏตายหมด)

ติดให้ ***ครึ่ง

            “The Whale เหงา เท่า วาฬ” เรื่องราวของ ชาลี (เบรนด์แดน เฟรเซอร์) ครูสอนภาษาอังกฤษที่ป่วยเป็นโรคอ้วนขั้นรุนแรง เวลาที่เหลือของเขากำลังจะหมดไปในไม่ช้า เขาใช้ความพยายามครั้งสุดท้ายเพื่อยุติรอยร้าวกับลูกสาวที่โกรธ เกลียดพ่อเพราะทิ้งเขาไปมีสัมพันธ์กับผู้ชาย!

              เป็นที่สมหวังว่า เบรนด์แดน เฟรเซอร์ หลังจากคว้ารางวัลดารานำจากเวทีลูกโลกทองคำแล้วยังคว้าดารานำชายจากเวทีใหญ่อย่างออสการ์ด้วย ขอตบมือให้ เพราะติดตามผลงานนักแสดงคนนี้ตั้งแต่เข้าวงการ คราวนี้มาพูดถึงหนังที่ทำให้เบรนด์แดน เฟรเซอร์คว้ารางวัล ซึ่งหนังสร้างจากละครเวที โดยเจ้าของบทละครก็รับหน้าที่เขียนบทหนังเองด้วย จริตของหนังก็ยังมีความเป็นละครเวทีอยู่เพราะใช้โลเกชันเพียงแห่งเดียว การใช้ตัวละครไม่กี่ตัวในการเดินเรื่อง จังหวะการเข้ามามีบทบาทของแต่ละตัวละคร และการเคลื่อนที่ของตัวละครในฉากที่จะสลับกันเข้ามาเรื่อย ๆ ได้เห็นพยาบาลที่ตั้งใจดูแลคนอ้วนที่เสี่ยจะตายได้ทุกเมื่อ แม้มารู้ที่หลังว่าเขาไม่มีเงินจ่ายแต่ก็ตัดใจทิ้งไม่ลง เหตุเพราะเงินเก็บก้อนสุดท้ายเขาตั้งใจให้ลูกสาวเพียงคนเดียวที่มาหา แรก ๆ ไม่ลงรอยเพราะโกรธ เกลียดพ่อที่ทิ้งไปมีสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ทว่าสายใยความเป็นพ่อลูกยังไงก็ตัดไม่ขาดหรอก มิหนำซ้ำซึ้งการแสดงของเบรนด์แดนที่ทำให้ทุกคนและคณะกรรมการเชื่อ ฉากเวลาเขาลุกก็ลำบาก เวลาเขาเดิน เวลาเขาหายใจหอบเหนื่อย หรือคิดอยากตายด้วยการยัดอาหารขยะเข้าปาก ทุก ๆ การแสดงทั้งหมดของ เบรนด์แดน คือที่สุดของที่สุด เขาทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการถ่ายทอดบทนี้ออกมาได้ลึกซึ้งและกินใจมาก พอได้ดูจึงไม่แปลกใจว่าทำไมกระแสเชิงบวกถึงหลั่งไหลมาจากเมืองนอก นี่คือโอกาสของเขาที่จะกลับสู่วงการอย่างแท้จริง และสมควรแล้วที่เขาคว้ารางวัลจากสองเวทีใหญ่ ก็หวังว่าจะได้เห็นเบรนด์แดน เฟรเซอร์ มีผลงานเรื่อย ๆ และอยากให้เขากลับมาเล่นมัมมี่ 4 จะดีมากเลย

ติดเต็ม *****

            “เธอกับฉันกับฉัน / You And Me And Me” นำแสดงโดย  ธิติยา จิระพรศิลป์, อันโทนี บุยเซอเรท์ ผลงานกำกับของ วรรณแวว หงษ์วิวัฒน์, แวววรรณ หงส์วิวัฒน์  กับเรื่องราวของ ยู กับ มี สองศรีพี่น้องฝาแฝดแชร์ทุกอย่างและทำทุกอย่างในชีวิตร่วมกันมาตั้งแต่เกิดจนโตเป็นสาวแรกรุ่น จนกระทั่ง หมาก เด็กหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดีได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของพวกเธอ แล้วทำให้เธอทั้งคู่ได้รู้จักความรักเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะแชร์กันได้ พวกเธอจะจัดการกับความสัมพันธ์และความรู้สึกนี้อย่างไรกันนะ

              ตัวละคร ยู กับ มี ที่เป็นฝาแฝดที่หนังใช้เป็นตัวเดินเส้นเรื่องนี่ หนังก็ให้รายละเอียดมากพอที่จะทำให้ตัวละครทั้งคู่มีมิติและทำให้เราเข้าใจในปมและประเด็นที่เป็นแก่นของเรื่องอันเป็นโจทย์ที่พูดถึง แต่กับตัวละครพ่อ แม่ และยาย ที่เป็นตัวประกอบ หนังให้ข้อมูลไม่มากพอ แล้วบวกกับ airtime ของตัวละครรองกลุ่มนี้ที่มีน้อยเลยทำให้แทบจะไม่รู้จักตัวละครกลุ่มนี้อย่างแท้จริงเลย ตัวละคร หมาก หนุ่มลูกครึ่งหน้าตาหล่อเหลาเข้ามามีบทบาทในชีวิตของสองศรีพี่น้อง สำหรับประเด็นที่หนังต้องการนำเสนอก็คือเรื่องของการแชร์ทุกอย่างในชีวิตกันมาตั้งแต่เด็กจนโตของยูกับมี จนมาพบกับความรักซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแบ่งปันกันได้ นี่เป็นประเด็นที่เข้าท่าและน่าคิดตามมากๆ ต่างคนต่างก็ต้องมีความรักเป็นของตัวเองมันก็ควรจะต้องแยกกันไป ไม่ใช้คนรักร่วมกัน แต่สัจธรรมของมนุษย์ย่อมมีความเห็นแก่ตัวและรักตัวเอง อยากได้ อยากมี อิจฉา ริษยา จนทำให้ตัวละครฝาแฝดต้องเกือบจะห้ำหั่นกัน ในส่วนของโปรดักชันดีพาย้อนยุคไปยี่สิบกว่าปี และ cinematography ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่น่าชื่นชม หนังฉลาดในการใช้แสงและเงาถ่ายทอดออกมาได้น่าอัศจรรย์ และโลเคชันก็โดดเด่นไม่เป็นรองหนังเรื่องไหน อาจจะด้วยตัวอำเภอเมืองนครพนมเองเป็นเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมแบบ colonial อยู่มากด้วย

ติดให้ **

              คำถามภาพยนตร์เรื่อง “เธอกับฉันกับฉัน” นักแสดงหญิงเล่นเป็นแฝดชื่ออะไร?

              ทราบคำตอบเขียนใส่ไปรษณียบัตร พร้อมชื่อ- ที่อยู่ – เบอร์โทรศัพท์และคำตอบให้ชัดเจน ส่งมาที่

#หนังดีติดดาว 32/15 ซอยลาดพร้าว 23 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 

ขอบคุณ GDH ที่สนับสนุนรางวัลมา 3 รางวัล

            “CLOSE” หรือชื่อไทยว่า “รักแรก วันนั้น” ผลงานจาก ‘ลูคัส ดอนต์’ ผู้กำกับชาวเบลเยียม ที่เคยพาภาพยนตร์เรื่อง ‘Girl’  ซึ่งภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของ ลีโอและเรมี่ เด็กชายวัย 13 ปี ที่ใช้วันหยุดช่วงหน้าร้อนด้วยกันจนเกิดเป็นมิตรภาพอันแน่นแฟ่น แต่แล้วเมื่อเปิดภาคเรียน มิตรภาพของพวกเขากลับแปรเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาถูกสังเกตและแสดงความเห็นโดยเพื่อน ๆ ทำให้ลีโอเริ่มตีตัวออกห่างและหาคำตอบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา?

              ตอนเห็นทีเซอร์อยากดูมากเพราะตัดออกมาเด็กผู้ชายสื่ออารมณ์ผ่านแววตาได้ดี แต่มีเหตุให้ไม่สะดวกไปดู กลับมาพูดถึงเนื้อหากับเรื่องราวของเด็กผู้ชายสองคนกับมิตรภาพที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนต้นที่บริสุทธิ์และสวยงาม จากนั้นก็จะเปลี่ยนไปพูดถึงความสับสนในจิตใจของเด็กทั้งคู่เมื่อต้องเผชิญกับสังคมและโลกภายนอกอย่างในโรงเรียน ที่เพื่อนชอบถามว่าพวกเขามีสัมพันธ์กันยังไง ทำให้คนหนึ่งพยายามลดความสนิทสนมลงจนลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเอง ในขณะที่อีกคนก็หาได้ใส่ใจโลกและสังคมไม่ ยังคงทำตัวสนิทสนมคุ้นเคยเหมือนเดิม เมื่อความกดดันที่ฝ่ายแรกสะสมมานานได้ระเบิดขึ้น ผลก็คือเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จนโลกของทั้งคู่ไม่เหมือนเดิม ซึ่งหนังขยับโทนมาอีกอารมณ์นึงในช่วงครึ่งหลังเมื่อความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ภาพตัวละครหนึ่งที่ต้องพยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ได้เกิดขึ้น พร้อมกับความสับสนในจิตใจว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องจริง ๆ เป็นเพราะเขาหรือเปล่า อีกทั้งยังต้องรับมือกับผลกระทบไปยังสมาชิกในครอบครัว หนังมีความเป็น Art House สูงมาก ๆ ด้วยการถ่ายทำที่ใช้กล้องซูมเข้าไปที่ใบหน้าของนักแสดงเห็นอารมณ์และความรู้สึกผ่านสีหน้าและแววตา หลายฉากหลายตอน จังหวะแบบนี้ปรากฎขึ้นโดยไม่ใช้เสียงพูดหรือบทบรรยายก็อินตาม และกระทำของตัวละครหลักที่ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปด้วยแรงกดดันจากสังคม โดยสรุปแล้ว นี่คือหนัง Coming of Age ที่ให้เห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่งดงาม และความพยายามที่จะรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้พร้อม ๆ กับการต้องปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อให้เข้ากับสังคม มองในมุมผู้ใหญ่มันก็ไม่ได้มีอะไรหนักหนาสาหัส แต่พอหนังใช้เด็กเป็นตัวเดินเรื่อง สิ่งเหล่านี้เป็นอะไรที่ยากมากสำหรับเด็กวัยรุ่นที่จะสามารถผ่านมันไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งนักแสดงหลักสองคนถ่ายทอดอารมณ์ออกมาดีมากก

ติดให้ **** ครึ่ง

Related posts