“วราวุธ” ปลื้มทรัพยากรทางทะเลฟื้นตัว ลงพื้นที่เมืองร้อยเกาะ เตรียมเปิดการท่องเที่ยวมุ่งเน้นวิถีการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน

 ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น รัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางและท่องเที่ยวภายในประเทศได้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์การฟื้นตัวของทรัพยากรทางทะเลหลังวิกฤติการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด 19 เผยว่า ธรรมชาติได้ฟื้นคืนความสมบูรณ์ขึ้นมาก วอนทุกฝ่ายช่วยกันรักษาและคงไว้ซึ่งความสมดุลของระบบนิเวศและธรรมชาติ

 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว. ทส.) กล่าวในโอกาสลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า ตนได้เดินทางลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 19 ถึง 21 มิถุนายน นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์และการฟื้นตัวของระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตนได้มีโอกาสเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง  น้ำตกธารเสด็จ เกาะนางยวน เกาะเต่า และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ได้มีโอกาสดำน้ำดูสภาพปะการังรอบเกาะเต่า สิ่งแรกที่ตนได้รับรู้ คือ เพียงช่วงไม่กี่เดือน ธรรมชาติและระบบนิเวศสามารถฟื้นสภาพได้อย่างเห็นได้ชัด ทรัพยากรทางทะเลได้คืนสมดุลโดยธรรรมชาติ สัตว์ทะเลหายากหลายชนิดกลับมาให้เราได้พบเห็นมากขึ้น อย่างที่เป็นข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ครูพรรณี ได้พบฉลามวาฬในพื้นที่เกาะเต่า ก็เป็นเครื่องแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ฉลามวาฬตัวดังกล่าว ได้รับผลกระทบจากขยะทะเลที่เป็นเชือกพันหางจนเป็นแผล นอกจากนี้ และตนได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งผนึกกำลังกับทีมงานนักดำน้ำเกาะเต่าติดตามค้นหาช่วยเหลือต่อไปให้ได้ ตนได้มีโอกาสพบปะและพูดคุยกับพี่น้องประชาชน รวมถึง สมาชิกชมรมรักษ์เกาะเต่า ผู้ประกอบการในพื้นที่ดังกล่าว ตนได้ให้กำลังใจกับทุกฝ่ายที่ได้ผ่านพ้นวิกฤติช่วงที่ผ่านมา รวมถึง ก่อนหน้านี้วิกฤติการณ์ที่ทุกฝ่ายได้พยายามรักษาและดูแลทรัพยากรทางทะเลได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ ตนได้รับทราบถึงปัญหาอื่น ๆ ของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการขาดแคลนแหล่งกักเก็บน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ปัญหาการถือครองที่ดินทำกิน ปัญหาการก่อสร้างท่าเทียบเรือ รวมถึง การอนุรักษ์ต้นเทียนทะเล การอนุรักษ์ฉลามหูดำ เป็นต้น ซึ่งตนจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะสั่งการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะฝากให้พี่น้องประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะหาจุดสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แต่คงไม่ใช่เรื่องยากหากเราช่วยกัน

ทรัพยากรธรรมชาติสามารถฟื้นตัวได้ตามธรรมชาติ เพียงแต่ต้องอาศัยระยะเวลาและการงดการรบกวนจากกิจกรรมมนุษย์ การท่องเที่ยวที่ไม่เกินศักยภาพที่ธรรมชาติรองรับได้ การทำประมงอย่างถูกหลักวิธี การไม่ทิ้งขยะลงทะเล การลดการใช้พลาสติก และการปล่อยมลพิษลงสู่ทะเล สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระบบนิเวศคงความสมดุลและคงอยู่อย่างยั่งยืน ไม่ต้องบอกว่าใครคือผู้รับผิดชอบหลัก ใครคือผู้สนับสนุน เราทุกคนมีภาระหน้าที่เท่าเทียม” หลังจากนี้ เราต้องเตรียมการเพื่อเข้าสู่ New normal เพื่อปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เราต้องร่วมกันสร้างสิ่งต่าง ๆ ให้ดีกว่าเดิม หรือ Build Back Better ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เตรียมแผนรองรับการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล รวมถึง ประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินงานอย่างจริงจัง ต่อไป

 นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ดำเนินการจัดตั้งหน่วยอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลเกาะพะงัน (เกาะเต่า) จ. สุราษฎร์ธานี ตามแนวนโยบาย รมว. ทส. เพื่อเป็นหน่วยประสานและดำเนินงานด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ พร้อมทั้งเป็นหน่วยให้ความรู้และประสานความร่วมมือกับชุมชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ ทั้งนี้ ตนได้ประสานงานกับนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี จัดทำแผนบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างมีส่วนร่วม ครอบคลุมพื้นที่เกาะเต่า เกาะพะงัน เกาะสมุย และแหล่งทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ว ๆ นี้ โดยจะเน้นการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ คำนึงถึงระบบนิเวศและคงความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายโสภณ ทองดี กล่าวทิ้งท้าย

Related posts